วิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารของชุมชน กรณีศึกษา ชุมชนคลองอาราง หมู่ 16 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
คำสำคัญ:
หลักประกัน, ความมั่นคงทางอาหาร, วิธีการสร้าง, ข้อเสนอแนะบทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่องวิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารของชุมชน กรณีศึกษา ชุมชนคลองอาราง หมู่ 16 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมายของหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในทัศนะของชาวชุมชน เพื่อศึกษาวิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารของชุมชนและเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะในการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในทัศนะของชาวชุมชนคลองอาราง หมู่ 16 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว โดยใช้วิธีการวิจัยในแนวทางการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Study) ออกแบบการวิจัยในลักษณะการวิจัยแบบมานุษยวิทยา ทั้งนี้เพราะแหล่งข้อมูลหลักที่สำคัญในการศึกษาใช้ข้อมูลจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในชุมชนคลองอาราง หมู่ 16 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการศึกษาข้อมูลจากเอกสาร การศึกษาเรียนรู้ชุมชนแบบมีส่วนร่วม การประเมินสภาวะชุมชนแบบเร่งด่วน (Rapid Rural Appraisal: RRA) การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม (Observation) การสัมภาษณ์เจาะลึก (In-dept interview) ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ จำนวน 15 คน และการสนทนากลุ่มย่อยแบบจัดตั้ง (Small Group Discussion) ผลการศึกษาพบว่า หลักประกันความมั่นคงทางอาหารในทัศนะของชาวชุมชน หมายถึง การมีแหล่งน้ำและแหล่งอาหารที่เพียงพอต่อการบริโภคและมีความสะอาด การมีสิทธิและมีระบบในการสร้างอาหารสำหรับการเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวและชุมชนต้องมีการแบ่งปัน มีน้ำใจต่อกัน ให้ความสำคัญกับอาหารในชุมชนเป็นหลัก และการที่ชาวชุมชนมีความพร้อมทางอาหาร มีการปลูกผัก ปลูกสมุนไพร เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และสิ่งสำคัญ คือการนำคุณธรรมมาประกอบและมีการใช้ความรู้มาประกอบการดำเนินชีวิต สำหรับวิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารของชุมชนพบใน 2 ระดับ คือ ระดับครอบครัวและระดับชุมชน โดยวิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับครอบครัว คือ การปลูกเสริมและปลูกหมุนเวียนในพื้นที่ของตนเอง การเลี้ยงสัตว์ไว้บริโภคในครัวเรือน เช่น เลี้ยง ปลา ไก่ เป็ด การอาศัยอาหารนอกชุมชนและการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทพืช ผักว่าชนิดไหนกินได้และการปลูกตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์กระทั่งถึงการบำรุงรักษาจนสามารถนำมารับประทานได้ ทั้งนี้สำหรับวิธีการสำคัญอย่างหนึ่งที่ค้นพบ คือการถ่ายทอดความรู้ให้กับบุตรหลาน ผ่านทางการเป็นแบบอย่างและการสอนทำและการสร้างความสนใจให้บุตรหลานเห็นความสำคัญ สำหรับวิธีการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารในระดับชุมชน คือ การให้ชาวชุมชนมีสิทธิและเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรต่าง ๆ เช่น การสร้างแหล่งน้ำและการใช้ประโยชน์ ในการจัดการทรัพยากร เช่น ป่าชุมชน มีการตกลงโดยให้ทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียและทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น หาของป่า การส่งเสริมและปลูกฝังให้บุตรหลานงดใช้สารเคมีในการปลูกพืชผักและมีการเรียนรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกและมีการเรียนรู้ เกี่ยวกับอาหาร ตั้งแต่วิธีการปลูก การจัดการเกี่ยวกับอาหาร (ความรู้) การใช้ประเพณีความเชื่อของชุมชนมาเป็นกุศโลบายในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญของชุมชน ด้านข้อเสนอแนะในการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารของชุมชน คือ ต้องให้ชาวชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลแหล่งทรัพยากร เช่น แหล่งน้ำ ป่า ตั้งแต่การร่วมคิด ร่วมทำและร่วมรับผล การใช้ภูมิปัญญา วัฒนธรรมประเพณีของชุมชนมาเป็นเครื่องมือในการดูแลแหล่งอาหารของชุมชนและในการดำเนินชีวิตต้องมีคุณธรรมประกอบ
เอกสารอ้างอิง
Chaiamporn, S. (2017). Food security: indicators of different Thai cultures. Nida Development Journal. Vol. 57(1).
Chanpoom, S. (2013). Knowledge Survey for Thailand Reform: Community Title Deed. Bangkok. Tai. Muslim Food. Bangkok. HN.GROUP.CO.,LDT.99.
Prachasan, S. (2012). Food security: concepts and indicators. Nonthaburi. Chiwa Withi Foundation.
Sri-Ngoen, N. (2019). Food security model on the diversity of household vegetables. Phong riverside community Khon Kaen Province. Pathum Thani : Valaya Alongkorn Rajabhat University .
Wasi, P. (1998). Community of sub-districts. Bangkok : Matichon.
Wichiranon, S. et al. (2012). Way of life and food security. Bangkok : Rajamangala University of Technology Phra Nakhon.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์เป็นของผู้ประพันธ์บทความ
