การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้แต่ง

  • ชุลีพร พินิจพล โรงเรียนสารคามพิทยาคม

คำสำคัญ:

การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ, รูปแบบการจัดการเรียนรู้, ทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

      การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นการวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) การออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ และ 4) การยืนยันประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบแผนการวิจัยแบบทดลอง 1 กลุ่ม กลุ่มทดลองที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ CHULEE MODEL 2) คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) แผนการจัดการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test dependent)  

            ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัญหาในการเรียนรู้พัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณตามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสารคามพิทยาคม โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง  และความต้องการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบ CHULEE MODEL เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีขั้นตอนการจัดกิจกรรม 6 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1  C (Creative Interest) ขั้นสร้างความสนใจอย่างสร้างสรรค์ ขั้นที่ 2  H (Habit Sufficiency) ขั้นสร้างลักษณะนิสัยแบบพอเพียง ขั้นที่ 3  U (Understanding) ขั้นเสนอความรู้ความเข้าใจ  ขั้นที่ 4  L (Like to Learn) ขั้นศึกษาหาความรู้อย่างชื่นชอบ ขั้นที่ 5  E (Evaluation) ขั้นประเมินผล  และขั้นที่ 6  E (Exchange of Idea) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาข้อสรุปเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม 3) ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ CHULEE MODEL เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสารคามพิทยาคม พบว่า รูปแบบมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.99/82.59 และทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 รวมทั้งนักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก และ 4) ยืนยันประสิทธิผลของรูปแบบโดยขยายผลกับนักเรียนกลุ่มขยายผลมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนกลุ่มขยายผลที่มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ CHULEE MODEL โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

 

เอกสารอ้างอิง

Chancharoen, S. (2008). The development of a learning management plan for Thai language learning subjects with a cooperative learning method, STAD model, using skill exercises to develop critical reading ability of grade 1 students. Secondary school year 3. Independent study. Mahasarakham : Mahasarakham University.

Homfung, C. (2014). Development of Thai Literature Teaching Model by Applying the Four Noble Truths to Promote Critical Reading Ability and Creative Problem Solving of Graduate Students. Bangkok : Silpakorn University.

Intanam, M. (2011). The development of learning activity management model emphasizing on reading. Analytical analysis for grade 5. Mahasarakham : Mahasarakham University.

Joyce, Weil, and Calhoun. (2009). Models of teaching. New York: Pearson education, Inc.

Khaemmanee, T. (2014). Thinking Science. Bangkok: Institute for Academic Quality Development.

Kodi, T. (2011). The development of critical reading abilities. The inductive learning method of John Stuart Mill for Mathayomsuksa 1 students. Bangkok: Silpakorn University.

Makanong, A. (2011). Mathematical Skills and Processes: Development for Development. (2nd ed). Bangkok: Chulalongkorn University.

Phangarm, P. (2006). The Development of Critical Reading Skill Enhancement Exercises. Thai language learning group Grade 3. Ubon Ratchathani : Ubon Ratchathani University.

Phattiyathanee, S. (2010). Educational Measurement. (6th ed). Kalasin :Coordinate printing.

Pikunthong, J. (2016). The Development of a Learning Management Model to Enhance Critical Reading Competence Using Metacognition Strategies for High School Students. Mahasarakham : Mahasarakham University.

Prangsuwan, P. (2007). A Study of Critical Reading Ability in Thai and Satisfaction with Scientific Teaching Methods of Prathom Suksa 6 Students. Bangkok: Naresuan University.

Srisaard, B. (2015). Development of teaching. Bangkok: Sureewiriyasasan.

Wongthip, K. (2016). The development of teaching and learning model based on the theory of practical speech. To enhance the reading ability of graduate students. Bangkok : Silpakorn University.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-08-30

รูปแบบการอ้างอิง

พินิจพล ช. (2023). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. Journal for Developing the Social and Community, 10(2), 471–484. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/256633

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย