การพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
คำสำคัญ:
สมรรถนะ, ผู้บริหารสำนักงานที่ดินบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ (1) ศึกษาระดับสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (2)ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (3) สร้างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง(4) ยืนยันสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางวิธีดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ระยะที่1เพื่อศึกษาระดับสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ระยะที่ 2 เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ระยะที่ 3 เพื่อยืนยันความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง กลุ่มตัวอย่างและกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ข้าราชการสังกัดสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง จำนวน 420 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ไม่น้อยกว่า 20 เท่าของตัวแปร (Hair, et al., 2006,p.112) บุคคลที่มีบทบาทสำคัญและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางจำนวน 15 คน และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการยืนยันความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง จำนวนทั้งสิ้น 5 คน ใช้การสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเชิงปริมาณ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.990 แบบบันทึกการประชุมกลุ่ม และแบบสอบถามยืนยันความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
ผลการวิจัย พบว่า (1) ระดับสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง สามารถสรุปได้ว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก( = 3.66) (2) ปัจจัยที่มีผลต่อสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ได้แก่ ปัจจัยภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ปัจจัย การเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงานและปัจจัยแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย สามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรของสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง โดยพยากรณ์ ได้อย่างถูกต้อง ร้อยละ 67.30 (R2 = 0.673)และพบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ดี(=161.660,=106, /=1.525, CFI = 0.984, TLI = 0.979, RMSEA = 0.035, SRMR = 0.032) (3) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย ปัจจัยภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ปัจจัยการเสริมสร้างพลังอำนาจในการทำงานและปัจจัยแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (4) การยืนยันความเหมาะสมของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด และมีค่าความสอดคล้องระหว่างควอไทล์ น้อยกว่า1.5ทุกแนวทาง แสดงว่าสอดคล้องมาก ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรทำการศึกษาตัวแปรด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรที่ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาในครั้งนี้และควรทำการศึกษาในแต่ละสำนักงานที่ดินอย่างเจาะลึกในแต่ละสำนักงานที่ดินและ แต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ข้อสนเทศและแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสำนักงานที่ดิน ที่มีความเหมาะสมสำหรับแต่ละสำนักงานที่ดินและแต่ละจังหวัดนั้น ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Eisner. E. (1976). “Educational connoisseurship and criticism :Their form and functions in education evaluation.” The Journal of Aesthetic Education.10(3) :135.
Hair, J. F. Jr. Black, W. C., Babin, B. J. Anderson, R. E. and Tatham, R. L. (2006). Multivariate data analysis. (6th ed). New Jersey : Prentice Hall.
Limpothong, P. (2018) Executive Competency Model of Local Administrative Organizations in Special Economic Zones, Nong Khai Province. Maha Sarakham : Maha Sarakham Rajabhat University.
Manpower department Officer Division. (2019). Personnel information of the Department of Lands. Bangkok: Department of Lands, Ministry of Interior
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์เป็นของผู้ประพันธ์บทความ
