การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนและกำไรส่วนเกินที่ปลอดภัยในการปลูกอ้อยของเกษตรกร ที่มีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาปรับใช้ในการเพาะปลูก เขตพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • ปานทิพย์ แสนสง อาจารย์ประจำ คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา

คำสำคัญ:

จุดคุ้มทุน, กำไรส่วนเกินที่ปลอดภัย, อ้อย, เครื่องจักรกลการเกษตร, เกษตรกร

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1. เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปและข้อมูลเกี่ยวกับการนำเครื่องจักรกลการเกษตรมาใช้ในการปลูกอ้อยของเกษตรกรชาวไร่อ้อย 2. เพื่อวิเคราะห์จุดคุ้มทุนและกำไรส่วนเกินที่ปลอดภัยจากการปลูกอ้อยของเกษตรกรที่มีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาปรับใช้ในการเพาะปลูก และ 3. เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเบื้องต้นที่มีผลกระทบต่อการปลูกอ้อยของเกษตรกร ข้อมูลที่นำมาศึกษาได้มาจากแบบสอบถามเกษตรกรชาวไร่อ้อย เขตพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 384 ราย โดยการเลือกสุ่มแบบหลายขั้นตอน ได้รับแบบสอบถามกลับคืน ร้อยละ 100 ของการสุ่ม ค่าสถิติที่ใช้ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักแนวคิดทางการบัญชีบริหารและการบัญชีต้นทุน แยกประเภทตามพฤติกรรมของต้นทุนที่เกิดขึ้น
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นชาวไร่อ้อยเพศชาย ร้อยละ 58.30 มีอายุระหว่าง 41 – 45 ปี มากที่สุดร้อยละ 26.60 การศึกษาสูงสุดระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ร้อยละ 39.90 มีอาชีพปลูกอ้อยเพียงอย่างเดียว ร้อยละ 75.80 ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การปลูกอ้อยระหว่าง 5 -10 ปี ร้อยละ 46.60 โดยมีแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินทุนส่วนตัว ร้อยละ 39.63 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นขนาดกลาง จำนวน 60 – 199 ไร่ ร้อยละ 70.30 ลักษณะการปลูกอ้อยส่วนใหญ่เป็นอ้อยต้นฝนนอกเขตชลประทาน ร้อยละ 66.15 และเป็นอ้อยปลูกใหม่มากที่สุด ร้อยละ 76.38 มีการนำเครื่องจักกลการเกษตรเข้ามาใช้ในการเพาะปลูกทุกราย ร้อยละ 100 เครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้เกษตรกรมีการลงทุนซื้อเครื่องมือเองบางส่วนร่วมกับการจ้างเหมามากที่สุด ร้อยละ 94.33 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรหรือเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้ในไร่อ้อยมีมูลค่าการลงทุนเฉลี่ยรวม 300,000 บาท และจากการศึกษาในรายละเอียดของเกษตรกรที่ปลูกอ้อยต้นฝนนอกเขตชลประทานเป็นอ้อยปลูกใหม่และมีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาใช้ในการเพาะปลูก พบว่า ต้นทุนจำแนกตามพฤติกรรม สรุปดังนี้ ต้นทุนผันแปรเฉลี่ยรวมต่อไร่ เท่ากับ 11,381.08 บาท ประกอบด้วย 1. ค่าวัตถุดิบ คือ ค่าพันธุ์อ้อย 1,763.18 บาทต่อไร่ 2. ค่าแรงงาน แบบจ้างเหมา ประกอบด้วย ค่าเตรียมดิน 1,360.20 บาทต่อไร่ ค่าการเตรียมพันธุ์เพื่อปลูก 367.14 บาทต่อไร่ ค่าจ้างปลูก 635.14 บาทต่อไร่ ค่าการบำรุงรักษา 542.36 บาทต่อไร่ ค่าการเก็บเกี่ยวและค่าขนส่งแบบใช้รถตัดอ้อยกรณีจ้างผู้รับเหมา 5,203.20 บาทต่อไร่ 3. ค่าใช้จ่ายในการปลูกอื่นๆ ประกอบด้วย ค่าปุ๋ย 1,026.28 บาทต่อไร่ ค่ายาปราบวัชพืช โรคและแมลงศรัตรูพืช 350.16 บาทต่อไร่ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 133.42 บาทต่อไร่ ต้นทุนคงที่เฉลี่ยรวม 1,791.46 บาทต่อไร่ ประกอบด้วย ค่าเช่าที่ดิน 1,203.16 บาทต่อไร่ ค่าเสื่อมราคาเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ลงทุนจัดซื้อ 588.30 บาทต่อไร่ สรุปต้นทุนรวมเฉลี่ย 13,172.54 บาทต่อไร่ หรือต้นทุนเฉลี่ย 810.12 บาทต่อตัน
ด้านรายได้หรือผลตอบแทน พบว่า พื้นที่เพาะปลูก 1 ไร่ ให้ผลผลิต เท่ากับ 16.26 ตัน ราคาเฉลี่ยตันละ 880.34 บาท ณ ระดับความหวานเฉลี่ย 12.17 ซี.ซี.เอส. ดังนั้น รายได้เฉลี่ยรวม เท่ากับ 14,314.33 บาทต่อไร่ และเมื่อนำต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่มาหักออกแล้วจะทำให้เกษตรกรมีกำไรสุทธิจากการปลูกอ้อย เท่ากับ 1,141.79 บาทต่อไร่ จากข้อมูลโดยรวมพื้นที่เพาะปลูกเฉลี่ย 102.27 ไร่ จุดคุ้มทุน เท่ากับ 1,662.97 ตัน หรือ 1,428,571.43 บาท หากเกษตรกรสามารถวางแผนการปลูก การดูแลรักษา และการควบคุมต้นทุนที่เป็นปัจจัยการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ จนสามารถเพิ่มผลผลิตให้ได้ 18 ตันต่อไร่ จะทำให้มีกำไรส่วนเกินที่ปลอดภัยอยู่ที่ร้อยละ 9.42
ด้านปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปลูกอ้อยของเกษตรกร พบว่า ด้านคน มีผลกระทบระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.15) ด้านการเงิน มีผลกระทบระดับสูง (ค่าเฉลี่ย 3.70) ด้านเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้ในไร่อ้อยมีผลกระทบระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.24) และด้านการจัดการ มีผลกระทบระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 2.80)

เอกสารอ้างอิง

References

Benjamas Apisithpinyo. (2013). Cost Accounting 2. Bangkok: SE-EDUCATION.

Chaya, Wirawat & Bunnag, Boosya & Gheewala, Shabbir. (2018). “Adoption, Cost and Livelihood Impact of Machinery Services Used in Small-Scale Sugarcane Production in Thailand”. Sugar Tech. 1-14. 10.1007/s12355-018-0651-x.

Chompoonuch Wongsuwan. (2012). The Study of Capital Structure of Sugar Cane Production and Logistic to the Factory Case Study : Boasuphan Sub-District, Songpinong District, Suphanburi Province/ Cultivate Year 2011/2012. Bangkok: University of the Chamber of Commerce.

Chulaluck Yoosuk, Paranee Tangwiwat, and Benchamas Yooprasert. (2017). “An Application of Technology in Sugarcane Production and Needs for Extension Services of Farmers in Mueang District, Amnat Charoen Province” KHON KAEN AGR. J. 45 SUPPL : 1597-1604.

Chuleeporn Kusoncum and Kanchana Sethanan. (2012). A Study of Costs and Returns of Sugarcane Production Sent to the Sugar Mill for Small-scale Growers in Buakhao, Kuchinarai District, Kalasin Province. Annual Conference on Industrial Engineering Network 2012, 17-19 October 2012, Cha-am, Phetchaburi. Page 2134-2140. .

Desai, G. S. (2000). Cost and pricing practices in the sugar industry: A study of selected units of Gujarat state (10098775). Available from ProQuest Dissertations & Theses Global. (1782315579). [Online] https://search.proquest.com/docview/1782315579?accountid=44806.

Duangmanee Komaratat. (2016). Cost accounting. 15th edition. Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Ketsuda Dejbhimon. (2015). Project to create production costs and transfer knowledge to reduce agricultural sugarcane production costs in the 2014 planting yea : Khon Kaen : Khon Kaen University.

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement, 30 (3) : 607-610.

Nakhon Sawan Provincial Agriculture Office. (2017). Important economic crops. [Online] http://www.bangkokbiznews.com. [19 March 2019].

Office of the Cane and Sugar Board. (2017). Annual Report 2017 Office of the Cane and Sugar Board Production year 2016/2017. Bangkok : Office of the Cane and Sugar Board.

Somnuk Aujirapongpan. (2004). Cost Accounting 2. Bangkok: Physics Center.

Thatsanchai Treesat and Jamnong Jun-iad. (2013). “The Condition of Social and Economic, and the Problem of Growing Sugarcane by Farmers in U-Thong District of Suphan Buri Province” Princess of Naradhiwas University Journal, 5 (4) : 28-37.

Wimonrat Ngokphilai and Supaporn Poungchompu. (2015). STUDY ON COSTS AND RETURNS OF SMALLHOLDER FARMERS USING AGRICULTURAL MECHANIZATION FOR SUGARCANE PRODUCTION FOR SMALLHOLDER FARMERS AT NONGRUA DISTRICT KHONKAEN PROVINCE CASE STUDY:SUGARCANE HARVESTER MACHINERY. Khon Kaen : Faculty of Agriculture, Khon Kaen University.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-12-14

รูปแบบการอ้างอิง

แสนสง ป. . . (2020). การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนและกำไรส่วนเกินที่ปลอดภัยในการปลูกอ้อยของเกษตรกร ที่มีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาปรับใช้ในการเพาะปลูก เขตพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์. Journal for Developing the Social and Community, 7(2), 179–192. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/247093

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย