การศึกษาความเชื่อทางคณิตศาสตร์กับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
คำสำคัญ:
ความเชื่อทางคณิตศาสตร์, การให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความเชื่อทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) ศึกษาระดับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อทางคณิตศาสตร์กับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 298 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิตามสัดส่วน (Proportional Stratified Random Sampling) โดยมีประเภทห้องเรียนเป็นชั้นของการแบ่ง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความเชื่อ ทางคณิตศาสตร์ แบบทดสอบการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างเกี่ยวกับระดับความเชื่อทางคณิตศาสตร์กับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และใช้วิธีการศึกษาเฉพาะรายกรณี (Case Study Method) โดยนําเสนอข้อมูลด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความเชื่อทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง คิดเป็นร้อยละ 48.32 2) ระดับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 3 การให้เหตุผลที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ โดยจะมีกลวิธีการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล คิดเป็นร้อยละ 43.96 และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อทางคณิตศาสตร์กับการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์มีความสัมพันธ์กันมากมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .733 และจากการสัมภาษณ์ พบว่า นักเรียนที่มีความเชื่อทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับสูงและค่อนข้างสูง จะมีความมั่นใจในการตอบคำถาม สามารถแก้ปัญหาและให้เหตุผลได้ สามารถใช้ทักษะการคิดและการคำนวณได้อย่างถูกต้อง สามารถนำความรู้ไปใช้ในการหาคำตอบได้ นักเรียนที่มีความเชื่อทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับปานกลาง มีความมั่นใจในการตอบคำถาม สามารถอธิบายแนวคิดและการแก้ปัญหาได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้ นักเรียนที่มีความเชื่อทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ไม่มีความมั่นใจในการตอบคำถาม มีการให้เหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้อง บางคนไม่สามารถอธิบายแนวคิด และหาคำตอบได้ บางคนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาแต่ไม่สามารถใช้ทักษะในการหาคำตอบได้ และนักเรียนที่มีความเชื่อ ทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับต่ำไม่มีความมั่นใจในการตอบคำถาม ไม่สามารถอธิบายแนวคิด และหาคำตอบได้
เอกสารอ้างอิง
Brown et al (1988). Secondary school results for the Fourth NAEP Mathematics Assessment: Algebra, geometry Methods, and Attitudes. The Mathematics Teacher, 81(5), 337-347.
D’Andrade R. A. (1981). The cultural part of cognition. Cognitive Science. Australia: Mathematical Association of Victoria.
Ellis D. (2007). Technology Education for the Future. Australia : Southern Cross University.
Fishbein, M. & Ajzen (1980). Understanding attitudes and predicting social behavior. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall.
Jones, Thornton, Langrall and Tar (1999). A Framework for Characterizing Children's Statistical Thinking. Mathematical Thinking and Learning, 2(4), 269-307.
Jumchan, W. (2008). A Study of the Effect of Mathayomsuksa , Nampong Suksa School Student Mathematical Beliefs on Mathematical Problem-solving Abilities. Master of Education Thesis in Mathematics Education, Graduate School, Khoh Kaen University.
Markanong, A. (2010). development of mathematical process skills. Banhkok: Chulalongkorn. University.
Markanong, A. (2013). development of mathematical process skills. Banhkok: Chulalongkorn. University.
Norwood, K.S, (1997). The effects of instructional approach on mathematics anxiety and achievement. School Science and Mathematics, 2(2), 62-67.
Schoenfeld, A. H. (1985). Mathematical problem solving. New York: Academic Press.
Thessrimuang, W. (2021). A Study of Methods for Improving Mathematical Reasoning on Single Variable Linear Equations. of students in grade 1. Maha Sarakham: Maha Sarakham Rajabhat University.
Yeam-ot, O. (2006). Student's Belief Systems about Mathematics in Mathematical Problem-Solving Situation. Master of Education Thesis in Mathematics Education, Graduate School, Khoh Kaen University.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์เป็นของผู้ประพันธ์บทความ
