การส่งบทความ

เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

รายการตรวจสอบก่อนส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด
  • บทความนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หรือหากมีกรุณาอธิบายในข้อความส่งถึงบรรณาธิการ).
  • บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ OpenOffice, Microsoft Word หรือ RTF
  • มีการให้ URLs สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
  • บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16 pt(ในภาษาไทย) และ 12 pt (ในภาษาอังกฤษ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้นิพนธ์ (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสมในบทความ ให้เป็นตามข้อกำหนดของวารสาร
  • บทความเตรียมตามข้อกำหนดของวารสารฯ ทั้งในแง่ของรูปแบบและการอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines)

คำแนะนำผู้แต่ง

คำแนะนำสำหรับผู้เขียนสำหรับการส่งบทความต้นฉบับเพื่อขอรับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น

(Manuscript Requirements and Style Guide for Authors)

ดาวน์โหลดไฟล์คำแนะนำสำหรับผู้เขียน และ ตัวอย่างการจัดรูปแบบของบทความ

สำหรับบทความวิชาการ

เป็นบทความที่มุ่งถ่ายทอดความรู้ที่เกิดจาก การทบทวนวรรณกรรม การสังเคราะห์งานวิจัยและงานวิชาการ โดยมีการนำเสนออย่างเป็นระบบและตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่มีความเชื่อถือ มีการอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการอย่างเหมาะสมและเชื่อถือได้ มีการวิเคราะห์และวิจารณ์ที่ชี้ให้ผู้อ่านเห็นประเด็นสำคัญอันเป็นองค์ความรู้ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ รวมถึงมีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างเหมาะสม การเขียนต้องยึดตามหลักวิชาการและจริยธรรมทางวิชาการ โดยส่วนประกอบของบทความวิชาการมีดังนี้

  1. ส่วนนำ โดยกล่าวถึงความเป็นมาที่สำคัญของประเด็นที่ต้องการนำเสนอ พื้นฐานขององค์ความรู้ที่ต้องการนำมาสนับสนุน ลักษณะหรือสภาพปัจจุบันของประเด็นที่ต้องการนำเสนอ มีความร่วมสมัย รวมถึงการแสดงข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์ของบทความที่ผู้อ่านจะได้รับ
  2. ส่วนสาระสำคัญของบทความ ควรมีการจัดโครงสร้างและลำดับเนื้อหาสาระของบทความ โดยผู้เขียนควรมีการวางแผนในการลำดับเนื้อหาที่นำเสนอให้มีความเหมาะสม มีความต่อเนื่องและความเหมาะสมของภาษาที่ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาที่นำเสนอได้ง่าย หากมีองค์ความรู้หลายส่วนที่ประกอบกันเป็นบทความ ควรแบ่งส่วนให้ชัดเจนตามลำดับที่เหมาะสมและควรแสดงการเชื่อมโยงแต่ละส่วนให้เหมาะสม
  3. ส่วนสรุป บทความวิชาการที่ดีควรมีการสรุปประเด็นสำคัญที่ได้กล่าวมาให้ชัดเจน อาจเป็นลักษณะของการย่อความและเลือกเก็บประเด็นสำคัญของบทความมาทบทวนความเข้าใจของผู้อ่าน ในส่วนของการสรุปท้ายบท
  4. ส่วนอ้างอิง บทความวิชาการจะต้องเป็นงานที่อยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่เกิดจากการสรุป วิเคราะห์หรือสังเคราะห์ งานทางวิชาการของผู้อื่น จึงจำเป็นต้องมีการอ้างอิงที่ถูกต้องตามรูปแบบงานเขียนทางวิชาการ

สำหรับบทความวิจัย

เป็นบทความทางวิชาการที่มุ่งนำเสนอผลที่ได้จากการวิจัยที่มีระเบียบวิธีการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งบทความวิจัย ควรประกอบด้วย

  1. บทนำ (Introduction) / ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา โดยนำเสนอถึงที่มาของการทำวิจัย ความสำคัญที่ทำให้เกิดงานวิจัย ควรมีการนำเสนอภาพรวมของบทความ สถานการณ์ปัจจุบันของประเด็นที่ศึกษา แนวโน้มที่สำคัญ รวมถึงการให้ความหมายหรือนิยามศัพท์เฉพาะ ตลอดจนประโยชน์ที่ได้รับจากงานวิจัย ทั้งประโยชน์ทางวิชาการและประโยชน์ในการนำผลวิจัยไปประยุกต์ใช้
  2. การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) ที่ครอบคลุมแนวคิดและทฤษฎีที่ถูกนำมาใช้ในการวิจัย รวมถึงงานวิจัยที่นำมาใช้สนับสนุนหรือตามที่ผู้วิจัยใช้เป็นฐานของกรอบแนวความคิดในการทำวิจัย
  3. วิธีการดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ควรมีการอธิบายถึงระเบียบวิธีการวิจัยที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประชากรที่ใช้ในศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ จำนวนและวิธีการสุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แนวทางการวิเคราะห์ผลหรือวิธีการทางสถิติ
  4. ผลการวิจัย (Research Findings) ควรเป็นการนำเสนอผลการวิจัยที่ชัดเจน สอดคล้องและครอบคลุมตามชื่อเรื่อง โดยอาจนำเสนอตามลำดับของวัตถุประสงค์หรือสมมติฐาน แต่จะต้องมีการนำเสนอภาพ ตาราง ค่าทางสถิติ การทดสอบสมมติฐาน ให้ถูกต้องตามหลักสากล
  5. สรุปและอภิปรายผล (Conclusion and Discussion) การสรุปควรทำการสรุปตามวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนและควรมีการแสดงข้อค้นพบให้ชัดเจน สำหรับการอภิปรายผลควรนำข้อค้นพบที่ได้จากการวิจัยมาทำการอภิปรายให้เกิดภาพที่ชัดเจนต่อผู้อ่าน เช่น สาเหตุที่ผลวิจัยเป็นเช่นนั้น การสนับสนุนแนวคิดตามกรอบการวิจัยหรือไม่ มีความสอดคล้องและสนับสนุนแนวคิดหรือทฤษฎีที่นำมาเป็นพื้นฐานในการทำวิจัยหรือไม่
  6. ข้อเสนอแนะ ผู้เขียนควรทำการเสนอแนะในแง่มุมทางวิชาการ การเกิดองค์ความรู้ใหม่ หรือความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยตามบริบทและขอบเขตของการวิจัยในครั้งนี้ ควรมีการสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการศึกษา รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับในแง่ของการในไปประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ ควรเสนอแนะในแง่ของงานวิจัยในอนาคตควรศึกษาประเด็นใดเพิ่มเติมหรือควรระวังข้อจำกัดใดบ้าง
  7. เอกสารอ้างอิง ทุกรายการอ้างอิงที่อยู่ในตัวบทความ จะต้องปรากฎรายการอ้างอิงท้ายบทความ และให้แสดงรายการอ้างอิงเฉพาะที่ปรากฎในบทความเท่านั้น (โดยรูปแบบการอ้างอิงให้ยึดตาม APA 6th )

ดาวน์โหลดไฟล์คำแนะนำสำหรับผู้เขียน และ ตัวอย่างการจัดรูปแบบของบทความ

 

ค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์

เรียน ท่านผู้ส่งบทความมาเพื่อขอพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารฯ

เนื่องจากเครือข่ายวิจัยประชาชื่น มิได้ทำการจดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล แต่มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานที่ไม่มุ่งหวังผลกำไร ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานในแต่ละด้านจะมาจากการรับบริจาค การรับเงินสนับสนุนจากสมาชิก การจัดกิจกรรม รวมทั้งการดำเนินงานด้านการจัดทำวารสารวิชาการ

ดังนั้น การรับชำระเงินค่าตีพิมพ์เพื่อสนับสนุนการดำเนินการจัดทำวารสารวิชาการฉบับนี้ ทางเครือข่ายวิจัยประชาชื่น จะถือว่าท่านเป็นผู้มีอุปการคุณ ในการสร้างประโยชน์ทางวิชาการให้แก่สังคม ซึ่งทางวารสารฯ จะออกเอกสารรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานแก่ท่าน โดยท่านสามารถโอนเงินสนับสนุนมาได้ที่

บัญชี ธนาคารกรุงเทพ      เลขที่ 006-8-13997-1
ชื่อบัญชี นายอภิเทพ แซ่โค้ว และ น.ส.รสิกา อังกูร และ นายสุบิน ยุระรัช

อัตราค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์
- นักศึกษา คณาจารย์ และบุคคลทั่วไป 4,000.- บาท/บทความ
- นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของหน่วยงานที่เป็นสมาชิก 4,000.- บาท/บทความ
***โดยชำระ 2,000 บาทแรก (ชำระเมื่อส่งบทความในระบบวารสารฯ) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินคุณภาพบทความ (หากบทความไม่ผ่านการพิจารณาจะไม่คืนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ เนื่องจากทางวารสารฯ มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแล้ว)
***ทำการชำระอีก 2,000 บาท เมื่อได้รับการยืนยันว่าบทความสามารถเผยแพร่ได้ (ก่อนการตอบรับตีพิมพ์)
 

บทความวิชาการ

บทความวิชาการ

เป็นบทความที่มุ่งถ่ายทอดความรู้ที่เกิดจาก การทบทวนวรรณกรรม การสังเคราะห์งานวิจัยและงานวิชาการ โดยมีการนำเสนออย่างเป็นระบบและตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่มีความเชื่อถือ มีการอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการอย่างเหมาะสมและเชื่อถือได้ มีการวิเคราะห์และวิจารณ์ที่ชี้ให้ผู้อ่านเห็นประเด็นสำคัญอันเป็นองค์ความรู้ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอ รวมถึงมีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างเหมาะสม การเขียนต้องยึดตามหลักวิชาการและจริยธรรมทางวิชาการ โดยส่วนประกอบของบทความวิชาการมีดังนี้

  1. ส่วนนำ โดยกล่าวถึงความเป็นมาที่สำคัญของประเด็นที่ต้องการนำเสนอ พื้นฐานขององค์ความรู้ที่ต้องการนำมาสนับสนุน ลักษณะหรือสภาพปัจจุบันของประเด็นที่ต้องการนำเสนอ มีความร่วมสมัย รวมถึงการแสดงข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับประโยชน์ของบทความที่ผู้อ่านจะได้รับ
  2. ส่วนสาระสำคัญของบทความ ควรมีการจัดโครงสร้างและลำดับเนื้อหาสาระของบทความ โดยผู้เขียนควรมีการวางแผนในการลำดับเนื้อหาที่นำเสนอให้มีความเหมาะสม มีความต่อเนื่องและความเหมาะสมของภาษาที่ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาที่นำเสนอได้ง่าย หากมีองค์ความรู้หลายส่วนที่ประกอบกันเป็นบทความ ควรแบ่งส่วนให้ชัดเจนตามลำดับที่เหมาะสมและควรแสดงการเชื่อมโยงแต่ละส่วนให้เหมาะสม
  3. ส่วนสรุป บทความวิชาการที่ดีควรมีการสรุปประเด็นสำคัญที่ได้กล่าวมาให้ชัดเจน อาจเป็นลักษณะของการย่อความและเลือกเก็บประเด็นสำคัญของบทความมาทบทวนความเข้าใจของผู้อ่าน ในส่วนของการสรุปท้ายบท
  4. ส่วนอ้างอิง บทความวิชาการจะต้องเป็นงานที่อยู่บนพื้นฐานทางวิชาการที่เกิดจากการสรุป วิเคราะห์หรือสังเคราะห์ งานทางวิชาการของผู้อื่น จึงจำเป็นต้องมีการอ้างอิงที่ถูกต้องตามรูปแบบงานเขียนทางวิชาการ

บทความวิจัย

บทความวิจัย

เป็นบทความทางวิชาการที่มุ่งนำเสนอผลที่ได้จากการวิจัยที่มีระเบียบวิธีการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งบทความวิจัย ควรประกอบด้วย

  1. บทนำ (Introduction) / ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา โดยนำเสนอถึงที่มาของการทำวิจัย ความสำคัญที่ทำให้เกิดงานวิจัย ควรมีการนำเสนอภาพรวมของบทความ สถานการณ์ปัจจุบันของประเด็นที่ศึกษา แนวโน้มที่สำคัญ รวมถึงการให้ความหมายหรือนิยามศัพท์เฉพาะ ตลอดจนประโยชน์ที่ได้รับจากงานวิจัย ทั้งประโยชน์ทางวิชาการและประโยชน์ในการนำผลวิจัยไปประยุกต์ใช้
  2. การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) ที่ครอบคลุมแนวคิดและทฤษฎีที่ถูกนำมาใช้ในการวิจัย รวมถึงงานวิจัยที่นำมาใช้สนับสนุนหรือตามที่ผู้วิจัยใช้เป็นฐานของกรอบแนวความคิดในการทำวิจัย
  3. วิธีการดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ควรมีการอธิบายถึงระเบียบวิธีการวิจัยที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ประชากรที่ใช้ในศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ จำนวนและวิธีการสุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แนวทางการวิเคราะห์ผลหรือวิธีการทางสถิติ
  4. ผลการวิจัย (Research Findings) ควรเป็นการนำเสนอผลการวิจัยที่ชัดเจน สอดคล้องและครอบคลุมตามชื่อเรื่อง โดยอาจนำเสนอตามลำดับของวัตถุประสงค์หรือสมมติฐาน แต่จะต้องมีการนำเสนอภาพ ตาราง ค่าทางสถิติ การทดสอบสมมติฐาน ให้ถูกต้องตามหลักสากล
  5. สรุปและอภิปรายผล (Conclusion and Discussion) การสรุปควรทำการสรุปตามวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนและควรมีการแสดงข้อค้นพบให้ชัดเจน สำหรับการอภิปรายผลควรนำข้อค้นพบที่ได้จากการวิจัยมาทำการอภิปรายให้เกิดภาพที่ชัดเจนต่อผู้อ่าน เช่น สาเหตุที่ผลวิจัยเป็นเช่นนั้น การสนับสนุนแนวคิดตามกรอบการวิจัยหรือไม่ มีความสอดคล้องและสนับสนุนแนวคิดหรือทฤษฎีที่นำมาเป็นพื้นฐานในการทำวิจัยหรือไม่
  6. ข้อเสนอแนะ ผู้เขียนควรทำการเสนอแนะในแง่มุมทางวิชาการ การเกิดองค์ความรู้ใหม่ หรือความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยตามบริบทและขอบเขตของการวิจัยในครั้งนี้ ควรมีการสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการศึกษา รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับในแง่ของการในไปประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ ควรเสนอแนะในแง่ของงานวิจัยในอนาคตควรศึกษาประเด็นใดเพิ่มเติมหรือควรระวังข้อจำกัดใดบ้าง
  7. เอกสารอ้างอิง ทุกรายการอ้างอิงที่อยู่ในตัวบทความ จะต้องปรากฎรายการอ้างอิงท้ายบทความ และให้แสดงรายการอ้างอิงเฉพาะที่ปรากฎในบทความเท่านั้น (โดยรูปแบบการอ้างอิงให้ยึดตาม APA 6th )

นโยบายส่วนบุคคล

ชื่อและที่อยู่อีเมลที่ป้อนในเว็บไซต์วารสารนี้จะใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในวารสารนี้เท่านั้นและจะไม่เผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์ในกิจกรรมอื่นๆ