วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn <p>วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น จัดทำในรูปแบบวารสารวิชาการที่เผยแพร่เป็นราย 4 เดือน มีการเปิดรับบทความเพื่อเข้ารับการพิจารณา ได้แก่ บทความวิจัย (Research Article) บทความวิชาการ (Academic Article) บทความปริทรรศน์หรือบทวิจารณ์วรรณกรรม (Review Article) บทวิจารณ์หนังสือ (Book Review)</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น</p> Krisada.dba@gmail.com (ดร.กฤษดา เชียรวัฒนสุข) naruemon_j@rmutt.ac.th (ผศ. ดร.นฤมล จิตรเอื้อ) Wed, 06 Aug 2025 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ศิลปะของการมีชีวิตที่ดี https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/288855 <p>ในสังคมไทยปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การดำเนินชีวิตตามแบบที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หลายคนมักตกอยู่ในกับดักของการตามหาความสำเร็จตามมาตรฐานของสังคม เช่น การมีเงินมาก การมีตำแหน่ง หรือการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น หากแต่ความสุขที่แท้จริงนั้นกลับได้มาจากการเข้าใจตนเองและเลือกใช้เครื่องมือทางความคิดที่ช่วยให้เรามีชีวิตที่มีคุณค่าและสมดุลในระยะยาว ในฐานะผู้อ่านอยากแนะนำหนังสือ “ศิลปะของการมีชีวิตที่ดี (The Art of the Good Life)” ของ Rolf Dobelli ที่ได้เสนอแนวทางการคิดที่ทุกคนสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการตามกระแสและมุ่งสู่การพัฒนาตนเองอย่างมีสติ ไม่ว่าจะในบทบาทของครู นักเรียน หรือบุคคลทั่วไป เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจโลก ช่วยให้ทำการตัดสินใจที่มีเหตุผลมากขึ้นถึงแม้จะอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความคาดหวังที่สูง</p> บูรยา จันทะคุณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/288855 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 TRANSITIONING TO A LOW-CARBON ECONOMY IN THAILAND'S CONSTRUCTION SECTOR: CHALLENGES AND OPPORTUNITIES https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282537 <p>The construction sector plays a pivotal role in Thailand’s economic development while being a significant contributor to national greenhouse gas emissions. Transitioning to a low-carbon economy within this sector is essential to achieving Thailand’s climate commitments under the Paris Agreement and its goal of net-zero emissions by 2065. This study examines the challenges, opportunities, and strategic pathways for fostering sustainable transformation in the Thai construction industry. Drawing on policy analysis, case studies, and international best practices, the research identifies key barriers such as high initial investment costs, limited access to advanced low-carbon technologies, workforce capacity gaps, and inconsistent regulatory enforcement. Conversely, notable opportunities include the expansion of the green building market, integration of innovative low-carbon materials and technologies, fiscal and market incentives such as the T-VER carbon credit scheme, and growing regional demand for sustainable infrastructure. The findings underscore the necessity of coordinated action among government, industry, and academia to align economic growth with environmental stewardship. Policy recommendations focus on strengthening sector-specific emission reduction targets, enhancing human capital development, fostering multi-stakeholder collaboration, and expanding financial and market mechanisms. By embedding low-carbon principles into the regulatory, technological, and operational fabric of the construction sector, Thailand can position itself as a regional leader in sustainable construction, generating both environmental and socio-economic benefits.</p> Weerakorn Saitep, Boontharika Wongvanich, Teetut Tresirichod ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282537 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจขุดดินและถมดินในมุมมองผู้ประกอบการ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/279227 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานทางธุรกิจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ผู้ประกอบการธุรกิจขุดดินและถมดิน จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 15 คน โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงลำดับชั้น (AHP) เป็นเครื่องมือเพื่อหาลำดับความสำคัญของปัจจัย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการให้ความสำคัญของปัจจัยประกอบด้วย ความเสี่ยงด้านการเงินเป็นอันดับแรก โดยมีค่าถ่วงน้ำหนักเท่ากับ 0.3513 รองลงมาคือความเสี่ยงด้านสภาพแวดล้อมภายนอกและความรับผิดชอบต่อสังคม มีค่าถ่วงน้ำหนักเท่ากับ 0.2888 ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ ค่าถ่วงน้ำหนักเท่ากับ 0.2545 และความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ค่าถ่วงน้ำหนักเท่ากับ 0.1055 ตามลำดับ ส่วนปัจจัยย่อยที่ส่งผลมากที่สุดภายใต้ความเสี่ยงแต่ละด้านสามารถสรุปได้ดังนี้ 1) ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ คือ ความเสี่ยงจากแรงกดดันในการแข่งขัน 2) ความเสี่ยงด้านการเงิน คือ ความเสี่ยงด้านต้นทุน 3) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ คือ ความเสี่ยงด้านกฎหมายและกฎระเบียบ และ 4) ความเสี่ยงด้านสภาพแวดล้อมภายนอกและความรับผิดชอบต่อสังคม คือ ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากธรรมชาติและอันตรายจากภายนอก จากผลการวิจัยครั้งนี้จะเห็นได้ว่าการระบุความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น โดยควรเน้นที่การกำกับดูแลและควบคุมที่ดี บริหารเงินทุนหมุนเวียนให้มีสภาพคล่อง เตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติและความไม่มั่นคงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงมีแผนการให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างเหมาะสม</p> วรินยุพา สายทอง, ยุรพร ศุทธรัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/279227 Wed, 06 Aug 2025 00:00:00 +0700 ASSESSMENT OF THE PREDICTIVE POWER OF THE FAMA-FRENCH FIVE FACTORS ON BSI, CPI AND ROE: EVIDENCE FORM THE THAI CAPITAL MARKET https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/288264 <p>This study examines the dynamic relationship between the Fama-French Five-Factor Model and key macroeconomic and behavioral indicators in the context of the Thai capital market. Based on monthly data from January 2014 to January 2025, the analysis includes firm-level risk factors such as Market (MKT), Size (SMB), Value (HML), Profitability (RMW), and Investment (CMA) alongside macroeconomic indicators such as business sentiment index (BSI), Consumer Price Index (CPI), and Return on Equity (ROE). Using a vector autoregression (VAR) framework, the study examines the temporal causality and interdependencies between these variables.</p> <p>The results show that MKT and HML have a significant impact on BSI, suggesting that business sentiment is sensitive to overall market performance and value stock returns. RMW consistently affects CPI and ROE, highlighting the central role of profitability in inflationary pressures and corporate performance. Diagnostic checks confirm the stability and robustness of the model, even though the residuals exhibit non-normality, a common feature of financial time series. The integration of BSI into the Fama-French model increases its explanatory power and provides new insights into behavioral-financial interactions in emerging markets. These results contribute to both the theoretical literature on asset pricing and practical frameworks for investment and policy formulation in volatile economies such as Thailand.</p> Kulabutr Komenkul, Thanaphon Saengsookwaw, Wanida Wongsawat, Pichayut Oonnarit Oonnarit, Inthira Namrit ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/288264 Wed, 06 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการพักอาศัยร่วมกันของแรงงานก่อสร้างในที่พักอาศัยชั่วคราว กรณีศึกษาแรงงานก่อสร้างในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282889 <p>การวิจัยนี้ศึกษาปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการพักอาศัยร่วมกันของแรงงานก่อสร้างในที่พักอาศัยชั่วคราว ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งประกอบด้วยแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว (พม่า) เนื่องจากโครงการก่อสร้างจำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ผู้ประกอบการมีหน้าที่จัดเตรียมที่พักชั่วคราวให้กับแรงงาน แต่จากการศึกษาในอดีตพบว่ามีปัญหาด้านสภาพที่พัก สุขลักษณะ และสภาพสังคมในที่พักอาศัยชั่วคราว ผู้วิจัยจึงดำเนินการรวมข้อมูลด้านแรงงานที่ปฏิบัติงานในโครงการและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาการพักอาศัยร่วมกันของแรงงานก่อสร้างในที่พักอาศัยชั่วคราว พร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลความแตกต่างปัจจัยเชิงสาเหตุของกลุ่มแรงงาน โดยการเก็บข้อมูลดำเนินการผ่านแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 80 คน แบ่งเป็นแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวจากโครงการดังกล่าว ซึ่งมีปัจจัย 6 ด้าน ได้แก่ 1) สถานที่พักอาศัย 2) การเดินทางไปยังสถานที่ทำงาน 3) การปฏิบัติงานในโครงการ 4) สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก 5) สุขลักษณะและสิ่งแวดล้อม และ 6) พฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของแรงงาน โดยเลือกใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบ สำหรับกลุ่มตัวอย่างอิสระ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานในโครงการเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาการพักอาศัยร่วมกันของแรงงาน ขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ เช่น สถานที่พักอาศัย การเดินทางไปยังสถานที่ทำงาน สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก สุขลักษณะและสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของแรงงานไม่ส่งผลกระทบมากนัก</p> นงนุช ทวีสุข, อาธร ครบพร, กรวิศิษฎ์ ศิลารมย์, ณัฐศิษฏ์ ใจสอาด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282889 Wed, 06 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัญหาและปัจจัยในการจัดการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เมืองโบราณ Yang Liuqing สาธารณรัฐประชาชนจีน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282201 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อวิเคราะห์สถานะและปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของเมืองโบราณ Yang Liuqing และ 2) เพื่อเสนอแนะแนวทางการจัดการและพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของเมืองโบราณ Yang Liuqing อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ สถานะการจัดการของเมืองโบราณ Yang Liuqing การวิเคราะห์ด้วย PEST, SWOT เพื่อวิเคราะห์หาปัจจัยและสถานการณ์ของสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก และการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ประกอบด้วย ผู้สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรม และวิเคราะห์การสัมภาษณ์ โดยการวิเคราะห์จากเนื้อหาการสัมภาษณ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการวิจัยพบว่า เมืองโบราณ Yang Liuqing มีจุดแข็งด้านภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม แต่สถานะการจัดการในปัจจุบันยังขาดประสิทธิภาพ ทั้งในด้านนโยบาย การลงทุน การมีส่วนร่วมของชุมชน และกลไกการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการพัฒนาประกอบด้วย ปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี โดยเฉพาะความจำเป็นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ และ 2) แนวทางการพัฒนาที่เสนอ ได้แก่ การจัดทำแพลตฟอร์มความรู้แบบเปิดด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การบูรณาการวัฒนธรรมกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์การฝึกอบรมบุคลากรด้านวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับชาติและนานาชาติ อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืนและมีชีวิตในบริบทสังคมร่วมสมัย</p> หยาลู่ หลี่, ชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ, ณธทัย จันเสน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282201 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยและปัญหาในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาสุนทรียศาสตร์ทางสังคม ภายใต้มุมมองของมรดกวัฒนธรรมเครื่องเขินฉางซา มณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282203 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ลักษณะและรูปแบบทางศิลปะเครื่องเขินเมืองฉางซา หลักสูตรการศึกษาด้านสุนทรียศาสตร์ทางสังคมในเครื่องเขินเมืองฉางซาภายใต้ภูมิหลังของการปกป้องและการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม และ 2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยและปัญหาของหลักสูตรเครื่องเขินเมืองฉางซาในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาสุนทรียศาสตร์ทางสังคมของคณะศิลปกรรมและการออกแบบ Hunan First Normal University ในเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน การวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรม บทความวิชาการ เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พร้อมใช้การวิเคราะห์ SWOT เพื่อประเมินปัจจัยภายในและภายนอกของหลักสูตร และสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ได้แก่ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักพัฒนาหลักสูตร ผู้สอนด้านสุนทรียศาสตร์ และนักวิจัยด้านเครื่องเขิน โดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา </p> <p>ผลการวิจัยพบว่าเครื่องเขินเมืองฉางซาเป็นศิลปวัตถุที่มีความโดดเด่นทั้งด้านเทคนิคการผลิต ลวดลาย และความหมายเชิงวัฒนธรรม สามารถใช้เป็นสื่อการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมีศักยภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์การเรียน ความรู้พื้นฐานของผู้เรียน และระยะเวลาเรียนที่จำกัด ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการออกแบบหลักสูตรควรมุ่งเน้นการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นใช้เทคโนโลยีร่วมสมัย ส่งเสริมการบูรณาการข้ามศาสตร์ และเชื่อมโยงกับบริบทวัฒนธรรมจริง เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและความยั่งยืนของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม</p> เซียหลี่ เฉิน, ชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/282203 Wed, 20 Aug 2025 00:00:00 +0700 การออกแบบโต๊ะสำหรับการเล่นกีฬาอี-สปอร์ต (E-Sport) ที่เล่นผ่านอุปกรณ์มือถือ https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/279261 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อศึกษารูปแบบต่าง ๆ ของโต๊ะสำหรับการเล่นกีฬาอี-สปอร์ต (E-Sport) โดยนำออกแบบโต๊ะสำหรับการเล่นกีฬาอี-สปอร์ต (E-Sport) ที่เล่นผ่านอุปกรณ์มือถือ และนำไปประเมินความพึงพอใจทางด้านการใช้งาน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพและการทดลอง ได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Interview) ใช้สำหรับการเก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ แบบประเมินความคิดเห็นและความพึงพอใจ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักกีฬาอี-สปอร์ตเป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์การแข่งขันในระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบ</p> <p>ผลการวิจัยมีประเด็นดังนี้ ผลการออกแบบพบว่า รูปแบบโต๊ะขนาดกว้าง 70 เซนติเมตร ลึก 60 เซนติเมตร และสูง 100 เซนติเมตร ใช้วัสดุไม้อัด OSB หนา 15 มิลลิเมตร ปิดผิวด้วยไม้วีเนียร์ 1.5 มิลลิเมตร เพื่อความแข็งแรงและง่ายต่อการดูแลรักษา พร้อมระบบไฟฟ้า ปลั๊ก USB จำนวน 4 ช่อง ไฟ LED เปลี่ยนสีได้ และลำโพงขนาด 6.5 นิ้ว จำนวน 2 ดอก ส่วนผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งาน พบว่าภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก โดยด้านรูปแบบการใช้งานมีค่าเฉลี่ย 4.42 ด้านเงื่อนไขพิเศษในการใช้เฟอร์นิเจอร์ 4.35 ด้านวัสดุ 4.72 ด้านหน้าที่ใช้สอยหลักและรอง 4.52 และด้านแรงจูงใจ 4.44 คะแนนด้านเงื่อนไขพิเศษได้รับคะแนนต่ำสุด ผู้ใช้งานเสนอให้ระบบปรับความสูง-ต่ำและมุมโต๊ะเป็นแบบอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกและเหมาะสมกับการเล่นเกมต่อเนื่อง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการออกแบบโต๊ะที่ตอบสนองทั้งด้านสรีรศาสตร์ ความแข็งแรง และเทคโนโลยี สนับสนุนประสิทธิภาพในการเล่น ลดปัญหาสุขภาพจากการนั่งเล่นเป็นเวลานาน และสามารถปรับใช้ได้ทั้งในบ้านและสภาพแวดล้อมการแข่งขันมืออาชีพ</p> พิสุทธิ์ ควรอนันต์, ชุมสิทธิ์ โรจน์สกุลพานิช, ยิ่งยง รุ่งฟ้า, พรชัย อัจฉริยเมธากร, สมชาย สุพิสาร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/279261 Tue, 26 Aug 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์การบูรณาการในการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมศิลปะเครื่องเคลือบของสาธารณรัฐประชาชนจีน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/287742 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะเครื่องเคลือบ เพื่อทำความเข้าใจลักษณะของงานศิลปะเครื่องเคลือบและเทคนิคการผลิต รวมถึงการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์งานฝีมือสมัยใหม่ และสำรวจรูปแบบการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ 2) วิเคราะห์การบูรณาการงานศิลปะเครื่องเคลือบและผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาวิธีแก้ไขปัญหาเชิงนวัตกรรมสำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการทบทวนวรรณกรรม การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ เพื่อสำรวจปัจจัยสำคัญ อุปสรรค และการจัดการในกระบวนการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของงานศิลปะเครื่องเคลือบ และดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 6 คน ได้แก่ นักวิชาการศิลปะเครื่องเคลือบจำนวน 2 คน ผู้สืบทอดวัฒนธรรม จำนวน 1 คน ผู้บริหารบริษัทเครื่องเคลือบ จำนวน 1 คน ศิลปิน จำนวน 1 คน และนักสะสมผลงานศิลปะ จำนวน 1 คน เพื่อให้ได้ความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกในการออกแบบ และการพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์</p> <p>ผลจากการวิจัย พบว่า 1) ศิลปะเครื่องเคลือบได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านของรูปทรงและทัศนศิลป์ การผสมผสานความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เข้ากับรูปร่างที่ละเอียดอ่อนและเรียบง่าย ผลิตภัณฑ์ศิลปะเครื่องเคลือบมุ่งเน้นไปที่การปกป้องและสืบสานวัฒนธรรม การพัฒนาและการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมในสายการผลิตรูปแบบเดิมกลายเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ในกระบวนการ ออกแบบสร้างรรค์ศิลปหัตถกรรมดั้งเดิมจะต้องมีความเป็นเอกภาพทางศิลปะและใช้ประโยชน์ได้จริง 2) ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมมิใช่เพียงสินค้าทั่วไป แต่ผ่านการออกแบบที่สร้างสรรค์บูรณาการเทคโนโลยีสมัยใหม่ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และเรื่องราว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และมีความหมายทางสังคมที่เป็นเอกลักษณ์ จากการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบดั้งเดิมกับแนวคิดการออกแบบสมัยใหม่เพื่อออกแบบและ<br />สร้างผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่ฟื้นฟูหัตถกรรมดั้งเดิม และมีศักยภาพในการแข่งขัน</p> หยูฮั่น หวัง, กรกช อารมณ์ดี, ชัยยศ วานิชวัฒนานุวัติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/287742 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การตอบสนองทางอารมณ์ต่อสภาพแวดล้อมภายในห้องให้คำปรึกษา เพื่อคลายความเครียดและความวิตกกังวลในสถาบันอุดมศึกษา: การวิจัยเชิงผสมผสาน https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/286052 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นและการตอบสนองทางอารมณ์ของนักศึกษาต่อสภาพแวดล้อมภายในห้องให้คำปรึกษาในสถาบันอุดมศึกษา โดยใช้กรอบแนวคิดจิตวิทยาสภาพแวดล้อม และทฤษฎีการตอบสนองทางอารมณ์ การวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยนักศึกษาที่เคยใช้บริการห้องให้คำปรึกษา 30 คน และอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 15 คน รวม 45 คน โดยคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสังเกตพฤติกรรม และการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงธีม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทางกายภาพ เช่น ระยะการนั่งและตำแหน่งการนั่งมีผลต่อระดับความผ่อนคลาย โดยการนั่งทำมุม 45 องศาและเว้นระยะ 1.2–2 เมตรช่วยลดแรงกดดันและเพิ่มความกล้าในการเปิดเผยข้อมูล นอกจากนี้ การมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ การใช้แสงธรรมชาติ และการตกแต่งด้วยภาพศิลปะหรือต้นไม้ในร่ม ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างมีนัยสำคัญ ในด้านจิตวิทยา พบว่าความเป็นส่วนตัวและการมีพื้นที่ปลอดภัย ช่วยสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมการเปิดใจ ส่วนปัจจัยทางสังคมสะท้อนว่าความสัมพันธ์เชิงบวกและท่าทีไม่เป็นทางการของผู้ให้คำปรึกษามีส่วนช่วยลดความกังวลและเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร โดยสรุป การออกแบบห้องให้คำปรึกษาที่เหมาะสมควรบูรณาการทั้งปัจจัยกายภาพ จิตวิทยา และสังคมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการผ่อนคลาย ความปลอดภัย และความไว้วางใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของกระบวนการให้คำปรึกษาที่มีประสิทธิภาพในสถาบันอุดมศึกษา</p> ปัฐมาภรณ์ สว่างวงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/286052 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700