https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/issue/feed วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น 2023-08-31T14:57:19+07:00 ดร.กฤษดา เชียรวัฒนสุข Krisada.dba@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น จัดทำในรูปแบบวารสารวิชาการที่เผยแพร่เป็นราย 4 เดือน มีการเปิดรับบทความเพื่อเข้ารับการพิจารณา ได้แก่ บทความวิจัย (Research Article) บทความวิชาการ (Academic Article) บทความปริทรรศน์หรือบทวิจารณ์วรรณกรรม (Review Article) บทวิจารณ์หนังสือ (Book Review)</p> https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/269062 ปัญหาการจัดทำแผนที่กลางกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐที่มีผลกระทบต่อเอกชน 2023-08-09T13:51:52+07:00 นพพล ทวีโคตร lawconcept_dear@hotmail.com <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาการดำเนินโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 หรือโครงการ One Map ที่มีผลกระทบต่อเอกชน ซึ่งการดำเนินการมีความคล้ายคลึงกับการดำเนินนโยบายแผนที่เดียว (One Map Policy : OMP : Kebijakan Satu Peta : KSP) ของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย สำหรับโครงการ One Map นี้ ได้กำหนดให้มีหลักเกณฑ์กลางสำหรับการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกัน โดยมี 13 หลักเกณฑ์ สามารถจำแนกได้เป็น 3 แนวทาง ได้แก่ หลักเกณฑ์การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกันโดยให้ใช้เส้นแนวเขตที่ดินของรัฐที่โตกว่า หลักเกณฑ์การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกันโดยให้ใช้เส้นแนวเขตที่ดินของรัฐที่ได้รับการกำหนดขึ้นก่อน และหลักเกณฑ์การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกันโดยให้ใช้แนวเขตที่ดินของรัฐที่มีการรังวัดตามหลักวิชา จากการศึกษา พบว่า โครงการ One Map ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม และอาจเพิ่มเติมปัญหาซึ่งกระทบต่อเอกชนโดยเฉพาะเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่เอกชนมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองก็ตามซึ่งมีสาเหตุมาจากหลักเกณฑ์กลางสำหรับปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐนั่นเอง บทความนี้ นอกจากจะได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาข้างต้นแล้ว ยังได้เสนอให้มีกฎหมายสำหรับบังคับใช้แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการพิสูจน์สอบสวนสิทธิในที่ดินสำหรับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินด้วยการตรวจสอบจากแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยรวดเร็วขึ้น และลดปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินได้</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/266150 อิทธิพลของการทำการตลาดแบบอาศัยบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริงต่อความตั้งใจ ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเอไอเอสและทรูของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร 2023-03-28T15:58:14+07:00 สุชัญญา สายชนะ suchanya.sai@ku.th ปัทมพร ภูมิพันธ์ pattamaporn.phu@ku.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบของบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริงและอิทธิพลของการทำการตลาดแบบอาศัยบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริงต่อความตั้งใจใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเอไอเอสและทรูของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนี้ คือ ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครที่ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเอไอเอสและทรู และต้องเป็นกลุ่มที่มีความรู้จักหรือคุ้นเคยกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริงที่ทางผู้ให้บริการนำมาเป็นทูตตราสินค้าบนสื่อดิจิทัล จำนวน 400 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบของบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริงโดยมีทั้งหมด 5 องค์ประกอบ ได้แก่ ความดึงดูดใจ ความไว้วางใจ ความชำนาญเชี่ยวชาญ ความเคารพ และความเหมือนกับกลุ่มเป้าหมาย โดยรวมมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ 0.452 ถึง 0.714 และบุคคลที่มีชื่อเสียงเสมือนจริง ได้แก่ ความดึงดูดใจ ความเคารพ และความเหมือนกับกลุ่มเป้าหมาย มีอิทธิพลต่อความตั้งใจใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเอไอเอสและทรูของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมีอำนาจในการพยากรณ์ร้อยละ 68.3 </p> 2023-07-17T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/267509 การศึกษาความสามารถด้านโลจิสติกส์ และคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์ ที่มีผลต่อความสัมพันธ์ด้านโลจิสติกส์ระหว่างผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C 2023-04-10T13:30:17+07:00 ปิยะพร ธรรมชาติ piyaporn@buu.ac.th สวัสดิ์ วรรณรัตน์ sawat.w@ku.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถด้านโลจิสติกส์มีผลต่อคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์ในการดำเนินงาน คุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์เชิงสัมพันธ์ และความสัมพันธ์ด้านโลจิสติกส์แบบคงอยู่ ขยายและอ้างอิง กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก สามารถเก็บข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ได้ทั้งหมด 303 ชุด และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมทั้งการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างด้วยโปรแกรมทางสถิติ SPSS และ AMOS เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ของปัจจัยดังกล่าว ผลการวิจัยพบว่า โมเดลสมการโครงสร้างมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์อยู่ในระดับดี และผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ความสามารถด้านโลจิสติกส์มีอิทธิพลเชิงบวกต่อคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์ในการดำเนินงานและมีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์เชิงสัมพันธ์ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 และคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์ในการดำเนินงานมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความสัมพันธ์ด้านโลจิสติกส์แบบคงอยู่ ขยาย และอ้างอิงที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 เช่นเดียวกัน ส่วนคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์เชิงสัมพันธ์มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความสัมพันธ์แบบคงอยู่ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 แต่ไม่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์แบบขยายและอ้างอิง เมื่อวิเคราะห์เส้นทางพบว่า ความสามารถด้านโลจิสติกส์มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความสัมพันธ์แบบคงอยู่ ขยาย และอ้างอิง โดยมีคุณภาพการบริการด้านโลจิสติกส์ในการดำเนินงานเป็นตัวแปรส่งผ่าน แต่ความสามารถด้านโลจิสติกส์ไม่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความสัมพันธ์ด้านโลจิสติกส์แบบคงอยู่ ขยาย และอ้างอิง</p> 2023-08-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/267608 การวิเคราะห์การเชื่อมโยงที่ขาดหายไปของโครงข่ายถนน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา 2023-05-20T21:57:11+07:00 ณัฐชยา ปันชุม natchayapu63@nu.ac.th เจษฎา โพธิ์จันทร์ jessadapo@nu.ac.th <p>การศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเชื่อมโยงที่ขาดหายไปของโครงข่ายถนนเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมามีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การเชื่อมโยงที่ขาดหายไปของโครงข่ายถนน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ ขั้นตอนการดำเนินงานวิจัย ประกอบไปด้วย การทบทวน และเก็บรวบรวมข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลขนส่งและจราจรในพื้นที่ศึกษา เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาแบบจำลองขนส่งแบบต่อเนื่อง 4 ขั้นตอน หลังจากนั้นได้มีการประยุกต์ใช้แบบจำลองเพื่อวิเคราะห์การเชื่อมโยงที่ขาดหายไป ประกอบไปด้วย 9 เส้นทาง</p> <p>ผลการวิเคราะห์ พบว่า ในปี พ.ศ. 2570 และ พ.ศ. 2585 (5 และ 20 ปีข้างหน้า) กรณีมีเส้นทาง การเดินทางบนโครงข่าย มีระยะทางรวมในการเดินทางของระบบ (VKT) ลดลง คิดเป็นร้อยละ 0.57 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ ส่วนระยะเวลารวมในการเดินทางระบบ (VHT) ลดลง คิดเป็นร้อยละ 7.68 และร้อยละ 13.10 ตามลำดับ และมีความเร็วเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.08 และร้อยละ 14.06 ตามลำดับ ซึ่งลดลงกว่ากรณีไม่มีเส้นทาง โดยผลของจัดลำดับความสำคัญเส้นทางทั้ง 9 เส้นทางที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่ขาดหายไปผ่านการประยุกต์ใช้กระบวนการวิเคราะห์ตามลำดับชั้น (AHP) พบว่า เส้นทางที่มีความสำคัญในการพัฒนามากที่สุด ได้แก่ เส้นทางที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 2090 เส้นทางที่ 2 โครงการทางลอดแยกนครราชสีมา และเส้นทางที่ 7 ทางหลวงชนบท นม.3060 ตามลำดับ</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/267727 ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความนิยมจากการรวมธุรกิจและคุณภาพกำไร ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2023-08-08T13:12:24+07:00 ศุกันยา ห้วยผัด sukanya_huaypad_9@hotmail.com <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจค่าความนิยมจากการรวมธุรกิจของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าความนิยมจากการรวมธุรกิจกับคุณภาพกำไรของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีขนาดของบริษัทและโครงสร้างเงินทุนเข้ามาเป็นตัวแปรควบคุม กลุ่มตัวอย่าง คือ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2564 จำนวน 156 บริษัท เทคนิคทางสถิติที่ใช้ คือ การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ เก็บรวบรวมข้อมูลจากงบการเงินรวม หมายเหตุประกอบงบการเงินและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่าค่าความนิยมจากการรวมธุรกิจมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับคุณภาพกำไรตามวิธีรายการคงค้างจากการดำเนินงานสุทธิอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การรวมธุรกิจจะก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานของกิจการ ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น สำหรับตัวแปรควบคุมซึ่งประกอบด้วยขนาดบริษัทมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับคุณภาพกำไรตามวิธีรายการคงค้างจากการดำเนินงานสุทธิอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และโครงสร้างเงินทุนมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับคุณภาพกำไรตามวิธีรายการคงค้างจากการดำเนินงานสุทธิและโครงสร้างเงินทุนมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับคุณภาพกำไรตามวิธีอัตราส่วนคุณภาพกำไรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/261716 ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 2023-08-25T10:08:22+07:00 ณฐมน บัวพรมมี nathamon_b@rmutt.ac.th พูนศักดิ์ พูลเมืองรัตน์ poonsak_p@rmutt.ac.th พิมพา หิรัญกิตติ pimpa_h@rmutt.ac.th <p>การวิจัยเชิงปริมาณนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล เปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลและศึกษาความสัมพันธ์ของการรับรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 กับการปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19 ด้านสังคมและวัฒนธรรม ประชากรคือ ผู้ที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล ใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน คือ การสุ่มอย่างง่าย การสุ่มแบบใช้โควตา และการสุ่มแบบตามสะดวก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การหาค่าที สถิติเอฟ และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า เพศ สถานภาพ และอาชีพที่แตกต่างกันมีการปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19 แตกต่างกัน นอกจากนี้การรับรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความสัมพันธ์กับการปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19 ด้านสังคมและวัฒนธรรม ในทิศทางบวกระดับสูง ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/267615 การบริหารจัดการคิวแบบเรียลไทม์บนหลักความเสมอภาค เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยโดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ 2023-05-20T22:04:21+07:00 สุดารัตน์ จันทิมา sudaratch64@nu.ac.th เจษฎา โพธิ์จันทร์ jessadapo@nu.ac.th <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์การบริหารจัดการคิวแบบเรียลไทม์บนหลักความเสมอภาคในการลดระยะเวลาการรอคอยของผู้ใช้บริการ และเพื่อเสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการคิวแบบเรียลไทม์บนหลักความเสมอภาคในการลดระยะเวลาการรอคอยของผู้ใช้บริการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีเดิม (จับบัตรคิวใหม่ในวันใช้บริการ/กรณีแบบมาก่อนได้ก่อน) และกรณีใหม่ (ตามบัตรคิวนัด/กรณีแบบเรียลไทม์บนหลักความเสมอภาค) ซึ่งทางผู้วิจัยได้นำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการวิเคราะห์ระยะเวลาการรอคอยของทั้งสองกรณีด้วยเครื่องมือ VBA ใน Microsoft Excel</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า การจัดคิวตารางนัดหมายตามบัตรคิวนัด หรือกรณีแบบเรียลไทม์บนหลักความเสมอภาค (กรณีใหม่) จะมีระยะเวลาในการรอคอยที่น้อยที่สุด ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลาการรอคอยได้มากถึงร้อยละ 95.3 จึงทำให้ผู้ที่เข้ามารับการบริการไม่ต้องรอคิวนาน อีกทั้งยังสามารถลดการแออัดในพื้นที่จากการรอคิวที่ยาวนานได้อีกด้วย นอกจากนี้การบริหารจัดคิวยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายงาน เช่น การบริหารจัดการคิวในร้านอาหาร การจัดตารางการเดินทาง การจัดตารางคิวตรวจล่วงหน้า เป็นต้น รวมถึงยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาต่อยอดเป็นรูปแบบแอปพลิเคชัน เพื่อช่วยอำนวย<br />ความสะดวก และความรวดเร็วในการดำเนินงานในอนาคตอีกด้วย</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/268271 แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตในประเทศไทย 2023-07-21T13:40:02+07:00 ธนภัทร ธรรมากัลยากุล thanaphattamma@gmail.com อนันต์ ธรรมชาลัย anan.th@northbkk.ac.th ปัญญวัฒน์ จุฑามาศ anan.th@northbkk.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพ ปัญหาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตในประเทศไทย เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกซึ่งส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิต รวมทั้งข้อจำกัดในการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิต เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และระบุปัจจัยในการส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตในประเทศ และเพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตในประเทศไทย ซึ่งเป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยใช้ข้อมูลเชิงปริมาณจากการตอบแบบสอบถามของผู้บริหารหน่วยงานบริหารตัวแทนขายประกันชีวิต 411 ราย ด้วยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยใช้หลักความน่าจะเป็นจากบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย และข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานบริหารตัวแทนขายประกันชีวิต นักวิชาการด้านธุรกิจประกันชีวิต และเจ้าหน้าที่ภาครัฐในหน่วยงานกำกับดูแล จำนวนรวม 17 คน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยระดับหน่วยงานบริหารตัวแทนขายประกันชีวิต จำนวนตัวแทนขายประกันชีวิตที่กำกับดูแล และจำนวนกรมธรรม์ประกันชีวิตใหม่ที่รับผิดชอบในแต่ละปี เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิต โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .01 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ พบว่า กระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตโดยรวม ได้แก่ สมรรถนะด้านความรู้ความเข้าใจด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต สมรรถนะด้านการสื่อสาร สมรรถนะด้านการตัดสินใจ สมรรถนะด้านการสร้างความสัมพันธ์ สมรรถนะด้านการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา และสมรรถนะด้านการปรับตัวและใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .01 ทั้งนี้การสังเคราะห์แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตได้แนวทางการจัดการ 8 แนวทาง ที่สามารถตอบสนองต่อการพัฒนาสมรรถนะของตัวแทนขายประกันชีวิตในประเทศไทยได้</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น https://so03.tci-thaijo.org/index.php/prn/article/view/271346 ภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมาย ระดับชั้นเนติบัณฑิต 2023-08-31T14:57:19+07:00 ปวริศ อนุสรณ์พานิช pawaris.anusornphanich@gmail.com <p>หนังสือภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมาย ระดับชั้นเนติบัณฑิต เป็นหนังสือที่ผู้เขียนเรียบเรียงขึ้นในรูปแบบของบทเรียนประจำวันอย่างง่าย เพื่อใช้เป็นคู่มือการฝึกฝนวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมาย ระดับชั้นเนติบัณฑิต เหมาะสมสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นนิติศาสตรบัณฑิต หรือผู้ที่มีความรู้พื้นฐานทางด้านกฎหมาย ได้ใช้ต่อยอดเพื่อเสริมทักษะทางด้านภาษาอังกฤษในวิชาชีพทางกฎหมายต่อไป</p> 2023-08-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการสังคมศาสตร์เครือข่ายวิจัยประชาชื่น