Ethics

               วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่บทความวิจัย และบทความทางวิชาการ ด้านศาสตร์บริหารธุรกิจ และศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานคุณภาพ และมีจริยธรรมในการตีพิมพ์บทความวารสารให้ถูกต้อง และสอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. และจรรยาบรรณวารสารวิชาการไทยในฐานข้อมูล TCI โดยวารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์ได้กำหนดบทบาทและจริยธรรมในการตีพิมพ์บทความวารสารดังต่อไปนี้              

               1. บทบาทหน้าที่ของบรรณาธิการ
                   1.1 บรรณธิการมีหน้าที่กำหนดนโยบาย แผนงาน หลักเกณฑ์และการบริหารจัดการด้านต่างๆ ของวารสาร พร้อมทั้งกำกับ ดูแล การจัดทำวารสารวิชาการให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่กำหนด                  
                   1.2 บรรณธิการมีหน้าที่พิจารณาคุณภาพของบทความ รูปแบบ ความครบถ้วนของบทความ ก่อนเข้าสู่กระบวนการประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร                  
                   1.3 บรรณธิการมีหน้าที่กำหนดให้มีการดำเนินงานวารสารวิชาการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด
                   1.4 บรรณธิการมีหน้าที่พิจารณาคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิประเมินคุณภาพบทความ โดยผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายวารสารเป็นสำคัญ                  
                   1.5 บรรณธิการมีหน้าที่จัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการส่งเสริม เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ตามเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัย    
                   1.6 บรรณาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบบทความในด้านความซ้ำซ้อนหรือในด้านการคัดลอกผู้อื่น (Plagiarism) โดยใช้โปรแกรมตรวจสอบความซ้ำซ้อน หากตรวจสอบพบความซ้ำซ้อนหรือการคัดลอกผลงานของผู้อื่นเกิน 10% บรรณาธิการต้องหยุดกระบวนการประเมิน และติดต่อผู้นิพนธ์หลักทันทีเพื่อขอคำชี้แจง เพื่อประกอบการ “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความ                  
                   1.7 บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ โดยไม่นำบทความหรือวารสารไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ หรือนำไปเป็นผลงานทางวิชาการของตนเอง                  
                   1.8 บรรณาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบการมีจริยธรรมในมนุษย์ โดยผู้นิพนธ์อาจมีการผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ หรือการได้รับรองโครงการวิจัยตามแนวทางหลักจริยธรรมในคนที่เป็นมาตรฐานสากล(IRB) เพื่อประกอบการคัดเลือกบทความมาตีพิมพ์เผยแพร่              

               2. บทบาทหน้าที่ของผู้นิพนธ์
                   2.1 ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความทางวิชาการให้ถูกต้องตามรูปแบบที่วารสารกำหนดไว้ใน “การเตรียมบทความ”
                   2.2 ผู้นิพนธ์ควรระบุแหล่งทุนในการทำวิจัย (ถ้ามี) ให้ชัดเจนในต้นฉบับ                
                   2.3 ชื่อผู้นิพนธ์ที่ปรากฏในบทความ ต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในผลงานวิชาการนี้จริง                  
                   2.4 ผลงานของผู้นิพนธ์ต้องเป็นผลงานที่ไม่เคยตีพิมพ์หรือเผยแพร่ที่ใดมาก่อน รวมถึงไม่อยู่ระหว่างขั้นตอนการส่งบทความพิจารณาในการตีพิมพ์เผยแพร่ที่อื่น                  
                   2.5 ผู้นิพนธ์ต้องไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น และหากมีการนำผลงานผู้อื่นมาอ้างอิงในผลงานของตนเอง ต้องมีการอ้างอิงทุกครั้งเมื่อนำผลงานของผู้อื่นมานำเสนอหรืออ้างอิงในเนื้อหาบทความของตนเอง และต้องจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนด
                   2.6 หากผลงานทางวิชาการของผู้นิพนธ์เกี่ยวข้องกับการใช้สัตว์ ผู้เข้าร่วม หรืออาสาสมัคร ผู้นิพนธ์ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าได้ดำเนินการตามหลักจริยธรรมในมนุษย์ หรือปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยต้องแสดงเอกสารการผ่านการอบรมจริยธรรมในมนุษย์ หรือการได้รับรองโครงการวิจัยตามแนวทางหลักจริยธรรมในคนที่เป็นมาตรฐานสากล (IRB)              

              3. บทบาทหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ                  
                   3.1 ผู้ประเมินบทความควรมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพของบทความต้นฉบับ โดยการประเมินต้องคำนึงถึงคุณภาพบทความเป็นหลัก พิจารณาบทความภายใต้หลักการ และเหตุผลทางวิชาการโดยปราศจากอคติหรือความคิดเห็นส่วนตัว และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์
                   3.2 ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประเมินบทความต้องแจ้งต่อบรรณาธิการทันที หากมีข้อสงสัยว่าบทความที่ตนประเมินนั้นเป็นบทความที่คัดลอกผลงานชิ้นอื่น หรือซ้ำซ้อนกับที่ได้ประเมินให้วารสารวิชาการอื่น                  
                   3.3 ผู้ประเมินบทความต้องรักษาระยะเวลาในการประเมินตามกรอบเวลาที่กำหนด ไม่เปิดเผยข้อมูลหรือเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้ ในระยะของการประเมิน หรือจนกว่าบทความได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารอย่างเป็นทางการ                  
                   3.4 ผู้ประเมินบทความต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากผลงานทางวิชาการที่ตนเองได้ทำการประเมิน