บรรณาธิการ : ดร.สมเกียรติ แดงเจริญ
คำแนะนำสำหรับผู้แต่ง
วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์ เปิดรับบทความวิจัยเต็มรูปแบบ (Full Paper) และบทความวิชาการ (Academic Article) จากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยวารสารจะรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทความที่นำเสนอในวารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์ ประกอบด้วย ศาสตร์ทางด้านบริหารธุรกิจ การจัดการ เศรษฐศาสตร์ บัญชีการเงิน การท่องเที่ยว ทรัพยากรมนุษย์ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ และศาสตร์อื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับบริหารธุรกิจ
วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์มีการเผยแพร่เป็นประจำ ปีละ 3 ฉบับ คือ เดือนมกราคม – เมษายน เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม และเดือนกันยายน – ธันวาคม โดยบทความดังกล่าวจะต้องไม่เคยเผยแพร่ในวารสารอื่นใดมาก่อน และเป็นข้อคิดเห็นของผู้ส่งบทความเท่านั้น โดยบทความจะต้องผ่านการตรวจสอบการลอกเลียนวรรณกรรมทางวิชาการ (copycatch) ไม่เกิน 10%
เกณฑ์การพิจารณาบทความ คือ บทความจะต้องผ่านการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาไม่น้อยกว่า 3 ท่าน แบบ Double Blinded และบทความจะต้องผ่านการประเมินในระดับดีจากผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่านขึ้นไป ซึ่งกองบรรณาธิการอาจให้ผู้เขียนปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้บทความที่ตีพิมพ์เป็นไปตาม รูปแบบมาตรฐานตามเกณฑ์การรับรองคุณภาพวารสาร และทรงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตัดสินการตีพิมพ์ให้หรือไม่ก็ได้ และวารสารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความละ 3,000 บาท ท่านสามารถชำระอัตราค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ หลังจากบรรณาธิการตอบรับบทความเบื้องต้นก่อนส่งผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความเท่านั้น (หากบทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ วารสารจะไม่คืนค่าธรรมเนียมในทุกกรณี)
การเตรียมต้นฉบับบทความ
- บทความวิจัย หรือบทความวิชาการ อยู่ในขอบเขตของวารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์ ประกอบด้วยศาสตร์ทางด้านบริหารธุรกิจ การจัดการ เศรษฐศาสตร์ บัญชีการเงิน การท่องเที่ยว ทรัพยากรมนุษย์ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ และศาสตร์อื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับบริหารธุรกิจ
- จัดพิมพ์ด้วยโปรแกรม Microsoft Word (เป็นไฟล์ .docx) และกำหนดขนาดกระดาษเป็นชนิด B5
- กำหนดรูปแบบของตัวอักษรทั้งบทความเป็น TH SarabunPSK
- กำหนดขอบกระดาษ เว้นระยะ 5 นิ้ว ทุกด้าน
- กำหนดการตั้งค่าระยะบรรทัด ให้ใช้ค่าตามปกติ 1 เท่า หรือ 1 Single
- ชื่อบทความภาษาอังกฤษ ชื่อผู้วิจัย หน่วยงานที่สังกัด และชื่อสถาบันของผู้วิจัย ให้ขึ้นต้นด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่
- ข้อมูลของผู้วิจัยทุกคน ต้องระบุชื่อ นามสกุล หน่วยงานที่สังกัด และชื่อสถาบัน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และระบุอีเมล์ของผู้วิจัยทุกคน
- กำหนดให้ใส่เครื่องหมาย * ไว้ต่อจากเลขลำดับของผู้วิจัยที่เป็นผู้รับผิดชอบบทความหลักหรือผู้ประสานบทความ (Corresponding Author) จำนวน 1 คนเท่านั้น
- บทคัดย่อ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีความยาวไม่เกิน 150 – 300 คำ และมีเนื้อหาในบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ตรงกัน โดยสรุปประเด็นที่สำคัญของบทความไว้อย่างกระชับ ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ อย่างครบถ้วน
- ความยาวของบทคัดย่อแต่ละภาษาควรไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีความยาวรวมไม่เกิน 2 หน้า
- คำสำคัญ (ภาษาไทย) ข้อมูลสำหรับชื่อบทความเพื่อการตีพิมพ์ (ไม่เกิน 5 คำ ใช้การเว้นวรรค ไม่ต้องใส่ , ระหว่างคำ) มีรูปแบบการเขียน คือ
คำสำคัญ: คำสำคัญที่1 คำสำคัญที่2 คำสำคัญที่3
- คำสำคัญ (ภาษาอังกฤษ) สอดคล้องกับคำสำคัญภาษาไทย มีรูปแบบการเขียน คือ
Keyword: keyword1, keyword2, keyword3
- บทนำ ส่วนแสดงข้อมูลครอบคลุมความสำคัญและที่มาของปัญหาการวิจัย
- ความเป็นมาและความสำคัญของงานวิจัย ควรเขียนในรูปแบบของเรียงความให้รวมเป็นเนื้อเดียวกัน นำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับงานวิจัย และต้องมีอ้างอิงไม่ต่ำกว่า 4 แหล่งอ้างอิง
- วัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ ข้อความที่ผู้วิจัยกำหนดว่าต้องการค้นหาข้อเท็จจริงใดบ้าง
- ขอบเขตของการวิจัย
- สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี)
- กรอบแนวคิดในการวิจัย
- แนวคิดทฤษฎี นำเสนอทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และการทบทวนวรรณกรรม โดยในแต่ละวรรณกรรมต้องมีอ้างอิงไม่ต่ำกว่า 2 แหล่งอ้างอิง และนำเสนอให้สอดคล้องกับกรอบแนวคิดการวิจัย มีแหล่งอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ ควรอ้างอิงจากต้นฉบับ
- วิธีดำเนินการวิจัย คือ ข้อมูลประชากร กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
- สรุปผลการวิจัย การนำเสนอข้อค้นพบจากการวิจัยโดยสรุป
- อภิปรายผล สรุปประเด็นที่สำคัญ พร้อมทั้งอภิปรายผลการวิจัยให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การวิจัย หรือสมมติฐานการวิจัย ข้อค้นพบที่ได้จากการวิจัย
- ข้อเสนอแนะ การเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ และข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
- องค์ความรู้ใหม่จากการวิจัย นำเสนอผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ผลการวิจัย สามารถนำเสนอในรูปแบบของโมเดล หรือแผนผัง พร้อมคำอธิบายที่กระชับ และเข้าใจง่าย
- กิตติกรรมประกาศ (ถ้ามี) กล่าวขอบคุณต่อองค์กร หน่วยงาน หรือบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือในการวิจัย รวมทั้งแหล่งที่มาของเงินทุนวิจัย และหมายเลขของทุนวิจัย
- เอกสารอ้างอิง การอ้างอิงเอกสารด้วยระบบการเขียนตามแบบ APA7 ย่อหน้าเยื้องแบบ Hanging 1.00 cm. ทำการใส่เอกสารอ้างอิงเฉพาะที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ทำการอ้างอิงให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และห้ามอ้างอิงงานที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหา
- การอ้างอิงในเนื้อหาและบรรณานุกรมต้องมีความสัมพันธ์กัน คือ หากมีการอ้างอิงในเนื้อหา รายการนั้นต้องปรากฏในบรรณานุกรม ในทางกลับกัน หากมีในบรรณานุกรมต้องมีการอ้างอิงในเนื้อหาด้วย
- บรรณานุกรมที่สืบค้นข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตต้องระบุ URL
- ทำการจัดเรียงเอกสารอ้างอิงตามลำดับอักษร โดยเริ่มต้นด้วยภาษาไทย และตามด้วยภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาไทย ก-ฮ และภาษาอังกฤษ A-Z