ปัจจัยที่มีต่อผลลัพธ์ของระบบดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ตามกรอบแนวคิดโดนาบิเดียน
คำสำคัญ:
ระบบดูแลสุขภาพจิต, นักเรียนมัธยมศึกษา, โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร, แนวคิดโดนาบิเดียนบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. ศึกษาระบบดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 2. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของระบบดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ตามกรอบแนวคิดโดนาบิเดียน ด้วยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ ผู้บริหารโรงเรียน หรือบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนละ 1 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบง่าย 86 โรงเรียนจาก 109 โรงเรียน และใช้แบบสอบถามระบบดูแลสุขภาพจิต 41 ข้อ ตามแนวคิดโดนาบิเดียนเป็นเครื่องมือ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอ้างอิงด้วยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคุณแบบขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระบบดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครตามกรอบแนวคิดโดนาบิเดียน ในภาพรวมมีความเข้มแข็งในระดับมากโดยด้านกระบวนการมีความเข้มแข็งมากที่สุด แต่ด้านโครงสร้างมีความเข้มแข็งน้อยที่สุด 2. จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่ามี 2 ตัวแปรในด้านกระบวนการและ 2 ตัวแปรในด้านโครงสร้างที่แสดงผลเชิงบวกต่อผลลัพธ์อย่างมีนัยสําคัญ คือการ มีโปรแกรมหรือกิจกรรมส่งเสริมด้านสุขภาพจิตอย่างเพียงพอ มีการติดตามผลของนักเรียนที่มาใช้บริการอย่างต่อเนือง การมีโปรแกรมหรือกิจกรรมส่งเสริมด้านสุขภาพจิตอย่างเพียงพอ การติดตามผลของนักเรียนที่มาใช้บริการอย่างต่อเนืองและการเปิดให้บริการห้องให้คำปรึกษาสุขภาพจิตสำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรของโรงเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักจิตวิทยา การให้คำปรึกษาเบื้องต้นตามลำดับ ผลการศึกษานี้แสดงถึงสถานะของระบบดูแลสุขภาพจิตของนักเรียน รวมทั้งปัจจัยที่สำคัญทั้งในด้านโครงสร้างและกระบวนการที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในระบบดูแลสุขภาพจิตนักเรียน
เอกสารอ้างอิง
คู่มือครู ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ช่วงชั้นที่ 3 ช่วงชั้นที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6. นนทบุรี: สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต.
ขวัญใจ ฤทธิ์คำรพ. (2566). ปัญหาสุขภาพจิตในสถานศึกษา. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏธนบุรี, 1(1), 75-85.
จุฑามาศ อึ้งอำพร และคณะ. (2561). ปัจจัยความสำเร็จในการก่อตั้งงานสุขภาพจิตโรงเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 13(1), 33-44.
ชุติมา ประทุมชาติ. (2568). การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนบ้านปลวกแดง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1. วารสาร ชมรมบัณฑิตศิลป์, 3(1), 50-61.
เนติ์ ภู่ประสม. (2565). การสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนในประเทศไทย พ. ศ. 2564 (รายงานการวิจัย). นนทบุรี: กลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียน สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย.
พิชชาพร มงคลวงศ์โรจน์ และอุ่นเรือน เล็กน้อย. (2567). ผลการศึกษาการดำเนินการตาม ระบบดูแลสุขภาพจิตนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครตามแนวคิดของ Hornby & Atkinson. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
พิทย์ธิดา พิทยสกุล และคณะ. (2566). CARES MODELนวัตกรรมการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะซึมเศร้าภายใต้สถานการณ์การดำรงชีวิตวิถีใหม่จากผลกระทบ COVID-19. วารสารเสฏฐวิทย์ปริทัศน์, 3(3), 29-38.
พิมพ์รัตน์ บุณยะภักดิ์ และคณะ. (2564). การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพจิตสำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 14(4), 33-49.
ภูษณิศา คารวพงศ์ และไสว ฟักขาว. (2558). สภาพและปัญหาการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของครูในโรงเรียนสำนักงานเขตสายไหม สังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการศรีปทุม ชลบุรี, 11(3), 86-94.
ยูนิเซฟ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และสถาบันเบอร์เน็ต. (2565). การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบและบริการสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคมสำหรับเด็กและวัยรุ่นในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก : ประเทศไทย (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: ยูนิเซฟ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม และสถาบันเบอร์เน็ต.
สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร. (2567). แผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. 2568 สำนัก การศึกษา. กรุงเทพฯ: ส่วนนโยบาย และแผนการศึกษา สำนักงานยุทธศาสตร์การศึกษา กรุงเทพมหานคร.
_____. (2567). รายงานสถิติการศึกษา ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: กลุ่มงานแผนงานและสารสนเทศส่วนนโยบายและแผนการศึกษาสำนักงานยุทธศาสตร์การศึกษา.
สุภัสสร สุริยะ. (2562). การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสสังกัดกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาและผู้นำทางการศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสยาม.
Cushman, P. et al. (2011). Health-promoting schools and mental health issues: a survey of New Zealand schools. Pastoral Care in Education, 29(4), 247-260.
Donabedian, A. (2002). An introduction to quality assurance in health care. New York: Oxford University Press.
Hornby, G. & Atkinson, M. (2003). A framework for promoting mental health in school. Pastoral Care in Education, 21(2), 3-9.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and psychological measurement, 30(3), 607-610.
Mental Health Check in. (2024). Mental health assessment data for children and youth under 20 years of age, 2024. Retrieved June 1, 2025, from https://checkin.dmh.go.th/dashboards
Patalay, P. et al. (2016). Mental health provision in schools: priority, facilitators and barriers in 10 European countries. Child and Adolescent Mental Health, 21(3), 139-147.
Rossen, E. & Cowan, K. C. (2014). Improving mental health in schools. Phi Delta Kappan, 96(4), 8-13.
Rovinelli, R. J. & Hambleton, R. K. (1977). On the Use of Content Specialists in the Assessment of Criterion-Referenced Test Item Validity. Tijdschrift Voor Onderwijs Research, 2(5), 49-60.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

