การพัฒนาการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ผู้แต่ง

  • พระครูวิจิตรธรรมวิภัช บุญเลิศ ปญฺญาวุโธ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • ประเสริฐ ธิลาว มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • เกียรติศักดิ์ สุขเหลือง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การพัฒนา, การส่งเสริม, การปฏิบัติธรรม, สำนักปฏิบัติธรรม

บทคัดย่อ

บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑.เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปและปัญหาของการปฏิบัติธรรมของประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๒.เพื่อศึกษาองค์ประกอบของสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และ ๓.เพื่อเสนอการพัฒนาการส่งเสริมสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๑๘ รูปหรือคน และการสนทนากลุ่มเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๑๐ รูปหรือคน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา และการวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยการสำรวจกับกลุ่มตัวอย่าง คือ พระสงฆ์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน ๓๔๗ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๙๗๙ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่า

๑. สภาพทั่วไปของการปฏิบัติธรรมของประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า วัดมีส่วนสำคัญในการทำหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนา ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันพระพุทธศาสนามีทั้งส่วนที่เจริญก้าวหน้าขึ้นและเสื่อมโทรมลงไป พระสงฆ์จึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการอบรมสั่งสอนถ่ายทอดธรรมะและการปฏิบัติธรรม  การปฏิบัติตนให้เป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธา และเป็นผู้ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบจะทำให้ประชาชนยอมรับนับถือและยินดีปฏิบัติตามคำแนะนำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในทุกอำเภอ ๆ ละ ๓ หรือ ๔ แห่ง จึงทำให้ประชาชนสามารถเข้าปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีประชาชนเข้าปฏิบัติธรรมในจำนวนที่น้อย รวมถึงพระวิปัสสนาจารย์ก็ยังไม่เพียงพอ สำนักปฏิบัติธรรมแต่ละแห่งไม่มีการประสานงานกันเป็นเครือข่าย ขาดความร่วมมือในบริหารจัดการ ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันได้

๒. องค์ประกอบของสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประชาชนมีความสนใจเข้าปฏิบัติธรรมขึ้นอยู่กับ ๓ ส่วน ได้แก่ด้านสถานที่ วัดหรือสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดต้องมีความพร้อมสำหรับการให้บริการแก่ประชาชน มีความเหมาะสม สะอาด สงบเงียบและสะดวกสบาย ด้านบุคลากรเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมหรือพระวิปัสสนาจารย์ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นแบบอย่างของความดี มีจริยธรรม ที่ทำให้ประชาชนเห็นแล้วเกิดความศรัทธา และปฏิบัติตามได้ด้านการบริหารจัดการ มีการอบรมการฝึกสอนปฏิบัติธรรมที่มีความหลากหลายเพื่อให้ประชาชนได้เลือกปฏิบัติตามความต้องการ

๓.การพัฒนาการส่งเสริมสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักปฏิบัติธรรมต้องมีการปรับปรุงสถานที่ให้มีความพร้อมเพื่อการใช้งานตลอดเวลา คณะสงฆ์ควรกำหนดให้มีสร้างพระวิปัสสนาจารย์เพิ่มมากขึ้น และทำการพัฒนาพระวิปัสสนาจารย์ที่มีอยู่แล้วให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น ให้ได้รับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่ทันสมัย จัดให้มีโครงการปฏิบัติธรรมเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งโครงการที่เป็นแบบระยะสั้น แบบระยะยาวเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของประชาชนหลากหลายกลุ่ม บางโอกาสต้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ ด้วยการให้ออกไปปฏิบัติธรรมตามหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถานที่หน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน สถานศึกษา เป็นต้น

References

AnawatYaWichai and Suputta Sattawatwakul. (2016). "Personnel development to support the education of Maha Mae Jo College To aim for the ASEAN community ". Research report.Maejo University.

Chalermkiat Saensri. (2005). "The development of teacher personnel in student-centered learning management is integrated into Ban Kaen Sai School. Roi Et Educational Service Area Office 1 ". Research Report. Mahasarakham University.

Chantana Klamchit. (2003). "Educational management and propagation model of Buddhist temples: a case study of Pa Ban Kho Temple, Ban Phue District, Udon Thani Province." Research report. Bangkok: Office of Education Secretariat.

Chatchai Thammakhaburi. (2016). "Human resource development according to the Buddhist guidelines of the Royal Academy Awards". Doctor of Buddhist thesis. Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.

Division of Buddhism, National Buddhism Office.(2010). Bureau of Dharma Practice in the province, 2010. Bangkok: National Buddhism Office Printing Office.

PhraMaha Kangwalan ThirathomMoo sachai. (2016). "Development of the efficiency of the management of the Dharma practice in the province". Doctor of Buddhist thesis. Buddhist management. Graduate School: Mahachula University Royal College.

PhraMaha Ronnachai Mahapuno. (2016). "Development of the Sangha Administration of Buddhist Monks in the Globalization Age". Buddhist thesis, Doctor of Philosophy. Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.

PhraMahaRuangdej thawornthammo. Dr. Sri Prasan Chanthanimit. (2011). Sub-district Mueang Chanthaburi District Chantaburi province". Research report. Academic Resource Unit, Faculty of Social Sciences, Phai Temple, PhraLuang Temple Mahachulalongkornrajavidyalaya University.

PhraMahaSontha Chomphu. (2009). "Strategies for Evangelism in the Globalization Age In the case of PhraDhammakaya Temple And Wat Nong Pa Phong ". Doctor of Public Administration Thesis. Department of Public Administration. Graduate School: ValayaAlongkornRajabhat University Under royal patronage.

Phrakhru Sri Rattana Thamniphat Pakanont Philaphan. (2016). "Management model of the Buddhist practice office of Buddhist leaders in England". Doctor of Philosophy Thesis. Graduate School: Mahachulalongkorn University Rajanagarindra College.

Statistical data for the Prachuap Khiri Khan Provincial Practice Bureau. (19 May 2018). Office of Buddhism, Prachuap Khiri Khan Province.

เผยแพร่แล้ว

2019-09-28

How to Cite

บุญเลิศ ปญฺญาวุโธ พ., ธิลาว ป., & สุขเหลือง เ. . (2019). การพัฒนาการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 8(3), 44–60. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/180647