นวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกล

Main Article Content

กานต์ อัมพานนท์
ณัฐตะวัน ลิ้มประสงค์

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างนวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) นำนวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพไปใช้กับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกล 3) ยืนยันนวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นการวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่างได้จากการเลือกแบบเจาะจงเป็นสถานศึกษาขนาดเล็กในจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพิจิตร และจังหวัดน่าน จำนวน 7 แห่ง ยืนยันรูปแบบโดยอ้างอิงผู้ทรงคุณวุฒิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกการจัดสัมมนาในการสร้างนวัตกรรม คู่มือโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ แบบประเมินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการและ แบบสอบถามความคิดเห็น สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา


ผลการวิจัย พบว่า 1) นวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกลที่สร้างขึ้น ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) ด้านบริหารจัดการ 2) ด้านการส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากร 3) ด้านสิ่งแวดล้อม และบรรยากาศการจัดการเรียนรู้ 4) ด้านภาวะผู้นำร่วม 5) ด้านการจัดการเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพ 6) ด้านการนำผลการเรียนรู้ไปพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ผลการดำเนินงานก่อนการพัฒนา อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย (gif.latex?\small&space;\bar{X}= 4.34, S.D.=0.61) หลักการพัฒนา อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (gif.latex?\small&space;\bar{X}=4.50, S.D.=0.59) เพิ่มขึ้น +0.13 2) นำนวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพสำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกล ผลการประเมินโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3) ยืนยันสร้างนวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกล พบว่า เป็นพหุองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน มีความเหมาะสม มีความเป็นไปได้ เป็นประโยชน์ และมีความถูกต้องครอบคลุมตามทฤษฎี คิดเป็นร้อยละ 100

Article Details

How to Cite
อัมพานนท์ ก. . ., & ลิ้มประสงค์ ณ. . (2022). นวัตกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและพื้นที่ห่างไกล. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 10(6), 2666–2678. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/journal-peace/article/view/262610
บท
บทความวิจัย

References

Battersby, S. (2015). The Culture of Professional Learning Communities and Connections to Improve Teacher Efficacy and Support Student Learning. Arts Education Policy Review, 116(1), 22-29.

Chaibang, W. (2017). PBL Like Nok Kala School. Retrieved January 19, 2021, from http://lamplaimatpattanaschool.blogspot.com/2012/07/blog-post_21.html.

Dechakup, P., & Yindeesuk, P. (2018). Learning to Integrate with PLC for Development. Bangkok: Chulalongkorn University.

DuFour, R. (2007). Professional Learning Communities: a Bandwagon, an Idea Worth Considering, or Our Best Hope for High Levels of Learning?. Journal of Middle School (J1), 39(1), 1-7.

Hord, S.M., Roussin J, L., & Sommers, W. A. (2010). Guiding Professional Learning Communities: Inspiration, Challenge, Surprise, and Meaning. Thousand Oaks, CA: California Corwin Press.

Limprasong, N. (2020). Model to Drive of the Professional Learning Community Process. Journal of MCU Peace Studies, 8(5), 1959-1972.

Limprasong, N. (2020). Report on the Performance of Teacher Development Coupon Project Management Course Teacher Learning 4.0: Cross-Learning Integration to Innovation. Journal of MCU Peace Studie, 8(Supplemental Issue), 251-268.

Martin, M. (2011). Professional Learning Communities. In Contemporary Issues in Learning and Teaching. London: SAGE Publication Ltd.

Panich, V. (2012). Ways to Create Learning for Students in the 21st Century. 2nd edition. Bangkok: Siam Commercial Foundation.

Stoll toll, L., & Louis, K.S. (2007). Professional Learning Community. New York: Open University Press.

Theparee, P., & Patphol, M. (2014). A Development of Professional Learning Community Model for The Primary School Teachers. Silpakorn Educational Research Journal, 6(2), 284-296.