ความเชื่อในการเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำรวจความเชื่อ (Beliefs) ต่อการเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจของนิสิตวิชาเอกภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยพะเยากลุ่มที่เคยเรียน (กลุ่มที่ 1) และไม่เคยเรียน (กลุ่มที่ 2) วิชาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ โดยใช้แบบสอบถาม ดัดแปลงมาจากแบบสอบถามของ Horwitz ที่เรียกว่า BALLI ใน 5 ด้าน (ความยาก กลยุทธ์ การสื่อสาร ธรรมชาติ แรงจูงใจ และความถนัด) ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์ทางสถิติ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความเชื่อในการเรียนโดยใช้การทดสอบสถิติ t - test ผลการสำรวจพบว่านิสิตกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 มีความเชื่อในระดับเห็นด้วย ใน 4 ด้าน เรียงค่าร้อยละจากมากไปหาน้อย : ด้าน ความยาก (85.6 และ 84.2) กลยุทธ์การสื่อสาร (80.4 และ 83.4) แรงจูงใจและความคาดหวัง (74.6 และ 78.2) ธรรมชาติ (70.2 และ76.2) ส่วนด้าน ความถนัด (59.8 และ 59.4) นิสิตมีความเชื่อในระดับ เห็นด้วยปานกลาง เมื่อเปรียบเทียบค่า เฉลี่ยโดยการทดสอบค่า t พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน ยกเว้นด้าน ธรรมชาติจะมีความแตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .05
จากผลการวิเคราะห์ สรุปได้ว่านิสิตทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่มีทัศนคติในเชิงบวกในการเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ เนื่องจากนิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนวิชานี้ อาจจะเห็นความสำคัญและประโยชน์ในการที่จะนำความรู้ ไปใช้ในการติดต่อ สื่อสาร ในการทำงาน และความเชื่อในด้านนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จในการเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นธุรกิจของนิสิต
Article Details
- ข้อความรู้ใดๆ ตลอดจนข้อคิดเห็นใดๆ เป็นของผู้เขียนแต่ละท่านโดยเฉพาะ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกองบรรณาธิการวารสารมนุษยศาสตร์ฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
- บทความใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์ หากต้องการตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตก่อน