รูปแบบการพัฒนาศักยภาพการให้คำปรึกษาตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การพัฒนา, พุทธจิตวิทยา, ทนายความบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหา แนวคิดทฤษฎี และหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพการให้คำปรึกษาของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ 2. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาศักยภาพการใหคำปรึกษาตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และ 3. เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาศักยภาพการให้คำปรึกษาตามแนวพุทธจิตวิทยาของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ วิธีวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ 17 คน และการสนทนากลุ่มย่อยผู้ทรงคุณวุฒิ 12 คน โดยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) การตรวจสอบความเที่ยงตรงแบบสามเส้า (Triangulation Technique) และการวิเคราะห์เชิงตรรกะ (Logical Matrix Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัญหา มี 4 ประการ คือ 1) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เน้นความรู้กว้างแต่ไม่ลึก 2) ทักษะการสื่อสาร ขาดการฟังเชิงลึกและความเข้าใจจิตใจลูกความ 3) การแสวงหาผลประโยชน์ เน้นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าความยุติธรรม 4) คุณลักษณะส่วนบุคคล ต้องมีความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบและเมตตาสอดคล้องกับกัลยาณมิตรธรรม 7 และคุณธรรมด้านความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) 2. ผลการศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาศักยภาพการให้คำปรึกษาตามแนวพุทธจิตวิทยาพบว่า การบูรณาการหลักพุทธธรรม อิทธิบาท 4 และกัลยาณมิตรธรรม 7 เข้ากับทฤษฎีทางจิตวิทยา ได้แก่ Competency Theory ของ McClelland และ Person-Centered Counseling ของ Rogers เพื่อสร้างรากฐานด้านคุณธรรม แรงจูงใจและทักษะเชิงจิตวิทยา ความละเอียดอ่อนต่อจิตใจลูกความ และ 3. รูปแบบที่พัฒนา "NP's Buddhist-Psychological Ethical Counseling Model for Lawyers" ประกอบด้วยความรู้และทักษะ 7 ประการ 20 ตัวแปร บูรณาการพุทธจิตวิทยา จิตวิทยาและกฎหมาย มีความเหมาะสม ครอบคลุม นำไปใช้ได้จริง ยกระดับคุณภาพการให้คำปรึกษา สร้างความไว้วางใจและเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อวิชาชีพและสังคม
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา คงมั่น. (2566). การพัฒนาและผลของรูปแบบการปรึกษากลุ่มแนวพุทธเพื่อเสริมสร้างอิทธิบาท 4 ของนักศึกษาพยาบาลตำรวจ (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ.
กรรณาภรณ์ ดวงแจ่มกาญจน์. (2541). การเปรียบเทียบผลของการให้คําปรึกษารายบุคคลและเป็นกลุ่มตามทฤษฎีพฤติกรรมนิยมที่มีต่อความรับผิดชอบต่อตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์ดอมินิก กรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ.
กฤษฎา สีจันทร์ฮด. (2557). ศึกษาหลักกัลยาณมิตรธรรม 7 ในพระไตรปิฎกสำหรับครู (ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
คณะกรรมการสภาทนายความ. (ม.ป.ป.). ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2568, จาก http://www.lerson. sc.chula.ac.th/bc/pdf/ethics/CU_Lawyer_Ethics.pdf
พันเอก สัญญา พงษ์ศรีดา. (2561). รูปแบบการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ตามหลักพุทธธรรม (ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
เพชรสุดา เพชรใส. (2547). การศึกษาและพัฒนาสมรรถภาพในการให้คำปรึกษาสำหรับครูแนะแนว (ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ.
พระครูธรรมสารโกศล (สมรศักดิ์ ธมฺมสนฺติโก). (2563). รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามหลักอิทธิบาท 4 ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. (ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสนดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
พระญาณสังวร (สุวัฑฒนมหาเถระ). (2553). สัมมาทิฏฐิตามเถราธิบายของท่านพระสารีบุตร. มหามกุฏราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
พระมหาสุวรรณ สุวณฺโณ (จุลพงษ์). (2562). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะหลักของครูตามหลักกัลยาณมิตรธรรมในโรงเรียนพระปริยัติแผนกบาลี ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ ภาค 4 (ปริญญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส. (2554). พุทธสันติวิธี : การบูรณาการหลักการและเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง. กรุงเทพฯ : 21 เซ็นจูรี่.
พระเมธีธรรมประนาท (ปรีชา มวลชู). (2561). การศึกษาพุทธจิตวิทยาการให้คำปรึกษาเชิงบูรณาการ (ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
พระอุทัย จารุธมฺโม (แก่นจำปา). (2564). การพัฒนาสมรรถนะการบริหารงานตามหลักอิทธิบาท 4 ขององค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี (ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วรรณพร เกียรติไทย. (2567). บทบาทของทนายความในกระบวนการยุติธรรม. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วิญญูชน.
วิชชุดา ฐิติโชติรัตนา, สิริวัฒน์ ศรีเครือดง และ เอมอร กฤษณะรังสรรค์. (2560). การพัฒนารูปแบบการปรึกษาแนวพุทธจิตวิทยาบูรณาการของพระสงฆ์ที่มีบทบาทให้การปรึกษา. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 5(1), 103-115.
สำนักแผนงานและงบประมาณ. (ม.ป.ป.). หนังสือรายงานสถิติคดีของศาลยุติธรรมประจำปีพุทธศักราช (ฉบับภาษาไทย). สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2568, จาก https://oppb.coj.go.th/th/content/category/articles/id/8/cid/2085
สุธินี ฤกษ์ขำ. (2564). การจัดหาทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ในยุคพลิกผัน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Harris, C. T., & Meyer, J. D. (2016). Training Lawyers to Improve Client Consultation: The Role of Communication Skills. Journal of Legal Education, 66(1), 123-145.
Lee, S. J., & O'Connell, M. P. (2017). Legal Consultation Skills: The Impact of Client-Centered Approaches. Canadian Journal of Law and Practice, 15(3), 67-82.
McClelland, D. C. (1974). Testing for Competence rather than Intelligence. American Psychologist SIES Journal of Management, 7(1), 121-131.
Rogers, C. R. (1967). Psychotherapy and Personality Change. University Press.
Thompson, R. P., & Smith, R. L. (2020). The Role of Technology in Legal Consulting: Enhancing Lawyer-Client Interactions. Law and Technology Journal, 12(4), 45-67.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารจิตวิทยาพุทธศาสตร์ประยุกต์เพื่อสังคม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.