The การเสริมสร้างองค์กรแห่งความสุขตามแนวพุทธจิตวิทยาของบริษัทไพบูลย์กิจธนาจำกัด

ผู้แต่ง

  • อณัทร เบ็ญจวรโชติ บริษัท ไพบูลย์กิจธนา จำกัด, จังหวัดสมุทรสาคร

คำสำคัญ:

การเสริมสร้าง, องค์กร, องค์กรแห่งความสุข, พุทธจิตวิทยา

บทคัดย่อ

            การสร้างความสุขตามหลักพุทธจิตวิทยา เน้นการเรียนรู้และการปฏิบัติเพื่อไปสู่ความพอดีหรือการมีดุลยภาพของชีวิต มีความสัมพันธ์อันกลมกลืนระหว่างการดำเนินชีวิตของบุคคลในองค์กรที่มีการปฏิสัมพันธ์กันกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ มีความเมตตากรุณา รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นแนวทางการพัฒนาชีวิตของตนให้มีความสุขที่ยั่งยืน โดยการสร้างสุขตามหลักพุทธจิตวิทยาให้มีความสุข เป็นแนวทางในการพัฒนาตนให้มีชีวิตที่ดีงามและมีความสุขในการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในองค์กร ทำให้ให้องค์กรเกิดความสุขที่สามารถรับรู้ได้อย่างทั่วถึงซึ่งเป็นความรู้สึกสบายใจ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลเป็นจิตใจที่มีความสุขซึ่งเกิดจากการทำงานในเวลานั้นและการเกิดผลสำเร็จที่เป็นจุดมุ่งหมายของงานการจัดการความสุขของมนุษย์ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างโลกในมิติส่วนตัว มุ่งเน้นความสุขของตนเอง โลกในมิติครอบครัว มุ่งเน้นความสุขของคนในครอบครัว และโลกในมิติสังคม มุ่งเน้นความสุขขององค์กรและสังคม (ทั้งสังคมภายในองค์การและภายนอกองค์การ) ซึ่งสอดคล้องรูปแบบแนวคิดองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการทำงานที่ดี มีแรงจูงใจในการทำงานมากยิ่งขึ้นทำให้องค์กรเองก็จะได้รับประโยชน์จากการมีบุคลากรกระตือรือร้นเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความคิดและการเพิ่มผลการปฏิบัติงาน

            บทความนี้ผู้เขียนได้เสนอมุมมอง การสร้างความสุขในการทำงานในองค์กรตามหลักพุทธจิตวิทยา ประกอบด้วย การสร้างสุขตามแนวทางหลักอิทธิบาท 4 และสังคหวัตถุ 4 เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความสุข รู้จักแก้ไขปัญหา เรียนรู้การสร้างจิตที่งอกงามในการดำรงชีวิตและพัฒนาลักษณะทางจิตให้มีคุณธรรม จริยธรรมและความสุขพร้อมทั้งช่วยเหลือสังคมให้มีสุขตาม ดังนั้น สิ่งเหล่านี้สามารถนำพาบุคคลให้ไปสู่การดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข รวมถึง การใช้ชีวิตในสังคมส่วนรวมก็จะมีแต่ความสงบสุขไม่วุ่นวาย

References

การประปาส่วนภูมิภาค. (2559). การใช้อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางการทำงาน. สืบค้น 23 มีนาคม 2566, จาก https://reg7.pwa.co.th/kmr7/?p=406

ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ และ ธีร์ธรรม วุฑฒิวัตรชัยแก้ว. (2559). มาสร้างองค์กรแห่งความสุขกันเถอะ (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: แอทโฟร์พริ้นท์.

ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2547). จิตวิทยาบริหารงานบุคคล. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อเสริม.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2548). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม.สืบค้น 15 มกราคม 2566, จาก http://www.84000.org/tipitaka/dic/

d_item.php?

พุทธทาสภิกขุ. (2549). ความสุขสามระดับ. กรุงเทพฯ: ธรรมสภา.ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. สืบค้น 13 มกราคม 2566, จาก http://www.royin.go.th/dictionary/index.php

วณี ปิ่นประทีป และ สุรณี พิพัฒน์โรจนกมล. (บ.ก.). (2548). รวมตัวชี้วัดเกี่ยวกับความอยู่เย็นเป็นสุข. กรุงเทพฯ: สำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (สปรส.).

วัชระ งามจิตรเจริญ. (2552). พระพุทธศาสนาเถรวาท. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต และคณะฯ. (2555). คู่มือการวัดความสุขด้วยตนเอง HAPPINOMETER. กรุงเทพฯ: ธรรมดาเพลส.

สมชาย ศักดาเวคีอิศร. (2549). ปัจจัยที่ทำให้เด็กและเยาวชนกระทำผิดกับกระบวนการยุติธรรม (เอกสารวิชาการส่วนบุคคล เป็นส่วนหนึ่งของการอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่9. วิทยาลัยการยุติธรรม: สำนักงานศาลยุติธรรม. กรุงเทพฯ.

อภิชัย มงคล. (2552). รายงานการวิจัยเรื่องการพัฒนาและทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.

Diener, E. & Oishi, S., (2560). Are Scandinavians Happier than Asians: Issues inComparing Nations on Subjective Well – Being. สืบค้น 22 มีนาคม 2566, จาก http://www.psych.uiuc.edu/~edener/hottopic/diener–Oishi.pdf.

JobsDB. (2015). คนทำงานมีความสุขกับงานเพราะอะไร. สืบค้น 22 มีนาคม 2566, จาก https://shorturl.asia/oeR59

Lu, L., & Argyle, M. (1991). Happiness and cooperation. Personality and Individual Differences.12, 1019–1030.

Wittmann, P. (2003). A Guide to Happiness for the Third Millennium. Chiang Mai: Sangsilp Printing.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2023-12-28