Outcomes of Using the Skills Practice Forms of Basic Mathematics (M 22101) for Secondary 2 on the Ratio and Percentage of Huatapanwittayakom School Under the Jurisdiction of Secondary Educational Service Area Office 29
Outcomes of Using the Skills Practice Forms of Basic Mathematics (M 22101) for Secondary 2 on the Ratio and Percentage of Huatapanwittayakom School Under the Jurisdiction of Secondary Educational Service Area Office 29
Keywords:
Skills Practice Forms, Ratio, PercentageAbstract
The research purposes were (1) to create and develop the skills practice forms; (2) to compare the learning achievements of students pre- and post-learning by using the skills practice forms; and (3) to study the satisfaction of Secondary 2 students on the skills practice forms of basic mathematics for Secondary 2 on the Ratio and Percentage. The sample was the 35 Secondary 2 students of Huatapanwittayakom School under the jurisdiction of Secondary Educational Service Area Office 29, semester 1 academic year 2021; selected by the simple random sampling. The research instruments were (1) the skills practice forms, (2) the learning management plans combined with the skills practice forms, (3) the learning achievement test, and (4) the student satisfaction questionnaire on learning using the skills practice forms. The data analysis statistics were the percentage, mean, standard deviation, and t-test.
The research findings were:
1. The skills practice forms of basic mathematics for Secondary 2 on the Ratio and Percentage developed had the efficiency of 75.84/76.47 percent which following to the given criteria.
2. The post-learning achievement by using the skills practice forms of basic mathematics was higher than pre-learning at the statistical significance level .05 according to the given hypothesis.
3. The satisfaction of Secondary 2 students on the skills practice forms of basic mathematics on the Ratio and Percentage found the overall was at the highest level.
References
กรมวิชาการ. (2551). คู่มือการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
______. คู่มือการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. (2552). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช.
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2545). การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
เนรมิต จันทร์เจียวใช้. (2552). การวินิจฉัยข้อบกพร่องและการสอนซ่อมเสริมวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ. หนังสือรวมบทคัดย่อผลงานของคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาไทย ระหว่างปี 2550 - 2552 ส่วนวิจัยและการพัฒนา สำนักมาตรฐานอุดมศึกษา ทบวงมหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
พิสุทธา อารีราษฎร์. (2551). การพัฒนาซอฟแวร์ทางการศึกษา. มหาสารคาม : อภิชาตการพิมพ์.
รินภัทร์ กีรติธาดากุล. (2553). การพัฒนาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ชุดฝึกกระบวนการคิดแก้โจทย์ปัญหาอย่างเป็นระบบ. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
วิภาดา ปัญญาชุม. (2550). แบบฝึกเสริมทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ ค.ม. มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี.
สุดารัตน์ เสนาะสำเนียง. (2552). การใช้ชุดเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อุทัย เพชรช่วย. (2551). การสอนโดยการจัดกลุ่มให้มีผู้นำในการเรียน. วารสารประชาศึกษา, 38(4): 20-26.
Gagne, R.M. (1977). The Conditions of Learning and Theory of Instruction. New York : Holt Rinchert and Winstin.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์