ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อหลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • ศิริพร พจน์พาณิชพงศ์ ดร,อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • ศญาดา ด่านไทยวัฒนา ดร.,อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • สุธาสินี สายวดี อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • วิไรรัตน์ อนันตกลิ่น อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • สมรัชนี ศรีฟ้า อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • สาคร แง้นกลางดอน ดร., อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • ณรงค์ศักดิ์ รุ่งเรืองสกุลไชย อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร, หลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา

คำสำคัญ:

หลักสูตรแพทย์แผนจีน , การพัฒนาหลักสูตร , ผู้มีส่วนได้เสีย

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อหลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้มีส่วนได้เสียต่อการจัดการหลักสูตร จำนวนทั้งสิ้น 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า ผู้มีส่วนได้เสียมีความเห็นว่า ผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรการแพทย์แผนจีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมาควรเป็นบัณฑิตที่ (1) มีความรู้และสามารถจดจำจุดฝังเข็มที่ใช้บ่อยและฝังเข็มรักษากลุ่มอาการหรือโรคที่พบบ่อย เช่น กลุ่มอาการปวด ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2) มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ (3) กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ด้านต่างๆด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา (Life-long learning)  (4) มีความสามารถในตรวจวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (5) มีภาวะเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี กล้าแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น (6) สามารถอ่านผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของแพทย์แผนปัจจุบันได้ และ มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และการใช้เทคโนโลยีสาระสนเทศ (7) มีความรู้ด้านการตรวจวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนปัจจุบัน (8) สามารถจดจำตัวยาและตำรับยาจีนที่ใช้บำรุงร่างกายรวมถึงรักษาโรคด้วยสมุนไพรจีนได้ (9) สามารถนวดทุยหนารักษากลุ่มอาการปวดและนวดฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้

เอกสารอ้างอิง

ราชกิจจานุเบกษา.(2561).เรื่อง หลักเกณฑ์การรับรองสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาสาขาการแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2561. สืบค้นจาก chromeextension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/https://hss.moph.go.th/fileupload_doc/2018-07-04-1-18-44971839.PDF

ไพศาล วรคำ.(2552).การวิจัยทางการศึกษา.กาฬสินธุ์: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ประสานการพิมพ์

วิชัย วงษ์ใหญ่.(2554).การพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ: อาร์แอนด์ ปริ้นท์.

วรางคณา กล้าจริง และ พงศ์นเรศ แจ้งพรมมา.(2565).แพทย์แผนจีนกับทางเลือกสุขภาพในยุคโลกาภิวัตน์.วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก,20(2),370-383

ธานินทร์ ศิลป์จารุ.(2551).การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS.พิมพ์ครั้งที่ 9.กรุงเทพฯ: บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.

มานะ สินธุวงษานนท์ และ นัฐยา บุญกองแสน.(2566).การจัดทำหลักสูตรที่มุ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (OBE) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์),17(2),470-482

บุญชม ศรีสะอาด. (2546). การพัฒนาหลักสูตรและการวิจัยเกี่ยวกับหลักสูตร. กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาส์น

สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.(2558).รายงานมาตรฐานการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2558.โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กันยายน 2558

Best, J.W. (1981). Research in Education. 4th ed. New Jersey: Prentice-Hall

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-29

รูปแบบการอ้างอิง

พจน์พาณิชพงศ์ ศ., ด่านไทยวัฒนา ศ. ., สายวดี ส. ., อนันตกลิ่น ว. ., ศรีฟ้า ส. ., แง้นกลางดอน ส. ., & รุ่งเรืองสกุลไชย ณ. . (2025). ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อหลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 19(2), 219–233. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/hsjournalnmc/article/view/288569

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย