ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อหลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
คำสำคัญ:
หลักสูตรแพทย์แผนจีน , การพัฒนาหลักสูตร , ผู้มีส่วนได้เสียบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียต่อหลักสูตรแพทย์จีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้มีส่วนได้เสียต่อการจัดการหลักสูตร จำนวนทั้งสิ้น 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า ผู้มีส่วนได้เสียมีความเห็นว่า ผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรการแพทย์แผนจีนบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมาควรเป็นบัณฑิตที่ (1) มีความรู้และสามารถจดจำจุดฝังเข็มที่ใช้บ่อยและฝังเข็มรักษากลุ่มอาการหรือโรคที่พบบ่อย เช่น กลุ่มอาการปวด ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2) มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ (3) กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ด้านต่างๆด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา (Life-long learning) (4) มีความสามารถในตรวจวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (5) มีภาวะเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี กล้าแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น (6) สามารถอ่านผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของแพทย์แผนปัจจุบันได้ และ มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และการใช้เทคโนโลยีสาระสนเทศ (7) มีความรู้ด้านการตรวจวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนปัจจุบัน (8) สามารถจดจำตัวยาและตำรับยาจีนที่ใช้บำรุงร่างกายรวมถึงรักษาโรคด้วยสมุนไพรจีนได้ (9) สามารถนวดทุยหนารักษากลุ่มอาการปวดและนวดฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้
เอกสารอ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา.(2561).เรื่อง หลักเกณฑ์การรับรองสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาสาขาการแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2561. สืบค้นจาก chromeextension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/https://hss.moph.go.th/fileupload_doc/2018-07-04-1-18-44971839.PDF
ไพศาล วรคำ.(2552).การวิจัยทางการศึกษา.กาฬสินธุ์: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ประสานการพิมพ์
วิชัย วงษ์ใหญ่.(2554).การพัฒนาหลักสูตรระดับอุดมศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ: อาร์แอนด์ ปริ้นท์.
วรางคณา กล้าจริง และ พงศ์นเรศ แจ้งพรมมา.(2565).แพทย์แผนจีนกับทางเลือกสุขภาพในยุคโลกาภิวัตน์.วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก,20(2),370-383
ธานินทร์ ศิลป์จารุ.(2551).การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS.พิมพ์ครั้งที่ 9.กรุงเทพฯ: บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
มานะ สินธุวงษานนท์ และ นัฐยา บุญกองแสน.(2566).การจัดทำหลักสูตรที่มุ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (OBE) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์),17(2),470-482
บุญชม ศรีสะอาด. (2546). การพัฒนาหลักสูตรและการวิจัยเกี่ยวกับหลักสูตร. กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาส์น
สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.(2558).รายงานมาตรฐานการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2558.โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กันยายน 2558
Best, J.W. (1981). Research in Education. 4th ed. New Jersey: Prentice-Hall
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์