การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
การวิเคราะห์ปัจจัย, การตั้งใจซื้อ, สบู่สมุนไพรบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภค และเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือวิจัย โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คนที่เป็นลูกค้าสบู่สมุนไพรในกรุงเทพมหานคร วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษาพบว่า 1) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 21 -30 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ต่ำกว่า 10,000 บาท และส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีสถานภาพเป็นโสด 2) ความตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพร ได้แก่ ความตั้งใจและแนวโน้มที่จะซื้อ ความชอบมากกว่าแบรนด์คู่แข่ง และความเต็มใจที่จะจ่ายเพิ่ม ผลการวิเคราะห์การตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพร พบว่า ค่าเฉลี่ยภาพรวมของการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภคทั้ง 3 ด้านอยู่ในระดับมาก ( = 4.10) 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภค พบว่า ค่าเฉลี่ยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.00) ผลการสำรวจทุกด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ( = 4.09) รองลงมาคือ อิทธิพลทางสังคม ( = 4.01) รองลงมาคือ การส่งมอบคุณค่ากับลูกค้า ( = 4.01) คุณค่าที่รับรู้ของผลิตภัณฑ์ ( = 4.01) การรับรู้ของลูกค้า ( = 3.97) และภาพลักษณ์ของตราสินค้า ( = 3.91) ตามลำดับ 4) ผลการทดสอบสมมติฐานที่ว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภคภาพรวม พบว่า ได้ค่าปัจจัยที่มีอิทธิพล R2 = .069 (ร้อยละ 6.90) ปัจจัยที่มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตั้งใจซื้อสบู่สมุนไพรของผู้บริโภคภาพรวม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
เอกสารอ้างอิง
กัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์ และพรทิพย์ สัมปัตตะวนิช. (2553). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ชูชัย สมิทธิไกร. (2554). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไปรยา วิลัยรัตน์, และ เอื้อมพร ศิริรัตน์. (2566). การตัดสินใจเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 6(1), 200–214. https://so04.tci-thaijo.org/index.php/SSRUJPD/article/view/261834
วรวรรณ สัตยธรรม. (2563). สมุนไพรไทยกับการดูแลสุขภาพ.วารสารการแพทย์แผนไทย, 17(1), 45–53.
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์. (2564). แนวโน้มการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพจากธรรมชาติ. สืบค้นจาก https://www.tcels.or.th/
Aaker, D. A. (1996). Building strong brands. Free Press.
Ajzen, I. (1991). The theory of planned behavior. Organizational Behavior and Human Decision Processes, 50(2), 179–211.
Dodds, W. B., Monroe, K. B., & Grewal, D. (1991). Effects of price, brand, and store information on buyers’ product evaluations. Journal of Marketing Research, 28(3), 307–319.
Keller, K. L. (2013). Strategic brand management: Building, measuring, and managing brand equity (4th ed.). Pearson.
Kotler, P., & Keller, K. L. (2016). Marketing management (15th ed.). Pearson Education.
Parasuraman, A., Zeithaml, V. A., & Berry, L. L. (1988). SERVQUAL: A multiple-item scale for measuring consumer perceptions of service quality. Journal of Retailing, 64(1), 12–40. https://www.researchgate.net/publication/200827786_SERVQUAL_A_Multipleitem_Scale_for_Measuring_Consumer_Perceptions_of_Service_Quality
Tong, X., & Hawley, J. M. (2009). Measuring customer-based brand equity: Empirical evidence from the sportswear market in China. Journal of Product & Brand Management, 18(4), 262–271. DOI:10.1108/10610420910972783
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis (3rd ed.). Harper and Row.
Zeithaml, V. A. (1988). Consumer perceptions of price, quality, and value: A means-end model and synthesis of evidence. Journal of Marketing, 52(3), 2–22. https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/002224298805200302 https://doi.org/10.1177/002224298805200302
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์