ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับเข้าทำงานของผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมภาคเหนือของประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • เขมจินันท์ เทิดทูนการค้า สาขาการจัดการอุตสาหกรรม คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนอร์ทเทริ์น,
  • ชัชรพันธ์ ใจกล้ารวีกิตติ์ สาขาการจัดการอุตสาหกรรม คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนอร์ทเทริ์น,
  • สุดารัตน์ ทิพนานนท์ สาขาการจัดการอุตสาหกรรม คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนอร์ทเทริ์น

คำสำคัญ:

ทัศนคติ , พฤติกรรมของผู้ประกอบการ , ปัจจัยการรับทำงาน

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ประกอบการต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงานในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของภาคเหนือ 2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงานในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของภาคเหนือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม  วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร คือผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดภาคเหนือ จำนวน 99 คน  กลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดภาคเหนือจำนวน 80 คน  วิธีการสุ่มตัวอย่างการเก็บแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงหาค่าความถี่ การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  การวิเคราะห์การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (t-test หรือ One-way ANOVA Analysis) วิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ แบบเพียร์สัน (Pearson’ s product moment correlation coefficient)

ผลการศึกษาพบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 45-55 ปี การศึกษาระดับปริญญาโท ทัศนคติและพฤติกรรมของนายจ้างที่มีอิทธิพลต่อปัจจัยการรับเข้าทำงานของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ด้านพฤติกรรม ประกอบด้วย บุคลิกระหว่างการสมัคร ลักษณะงานที่เคยทำมา การเป็นผู้นำ ด้านความรู้สึก และด้านความเชื่อ ตามลำดับ 2) เมื่อจำแนกปัจจัยการรับเข้าทำงานของผู้ประกอบการ พบว่า ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ มีความสำคัญมากที่สุด ปัจจัยทางด้านการเงินและปัจจัยทางด้านการเมือง มีความสำคัญรองลงมาตามลำดับ 3) ทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ประกอบการมีอิทธิพลต่อการรับเข้าทำงานในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมภาคเหนือของประเทศไทยโดยภาพรวมมีความสัมพันธ์กันในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยสัมประสิทธิ์สัมพันธ์ (rxy = 0.646) และมีนัยสำคัญทางสถิติในระดับที่ 0.01

เอกสารอ้างอิง

Ajzen, I. (1991). The theory of planned behavior. Organizational Behavior and Human Decision Processes, 50, 179–211. https://doi.org/10.1016/0749-5978(91)90020-T

Becker, G. S. (1964). Human capital: A theoretical and empirical analysis, with special reference to education. University of Chicago Press.

Daft, R. L. (2016). Organization theory and design (12th ed.). Cengage Learning.

Gibson, J. L., Ivancevich, J. M., & Donnelly, J. H. (1997). Organizations (5th ed.). McGraw-

Hill.

Gilbreth, F. B., & Gilbreth, L. M. (1921). The influence of motion study upon the management of labor. Journal of the Franklin Institute, 192(4), 299–308. https://doi.org/10.1016/S0016-0032(01)84629-8

Herzberg, F. (1959). The motivation to work (2nd ed.). John Wiley & Sons.International Labour Organization. (n.d.). Employment and decent work in sustainable development. https://www.ilo.org/

Judge, M., Warren-Myers, G., & Paladino, A. (2019). Using the theory of planned behavior to predict intentions to purchase sustainable housing. Journal of Cleaner Production, 215, 259–269. https://doi.org/10.1016/j.jclepro.2019.01.068

Kim, A., Lee, B., & Park, C. (2019). A combination of transcription factors mediates inducible interchromosomal contacts. National Statistical Office & Ministry of Labour.

Kotler, P., & Keller, K. L. (2016). Marketing management (15th ed.). Pearson Education.Maslow, A. H. (1943). A theory of human motivation. Psychological Review, 50(4), 370–396. https://doi.org/10.1037/h0054346

Oliver, R. (1974). Expectancy theory predictions of salesmen's performance. Journal of Marketing Research, 11(3), 243–253. https://doi.org/10.2307/3151150

Rosenberg, M. J., & Hovland, C. I. (1960). Cognitive, affective, and behavioral components of attitudes. In M. J. Rosenberg, C. I. Hovland, W. J. McGuire, R. P. Abelson, & J. W. Brehm (Eds.), Attitude organization and change: An analysis of consistency among attitude components (pp. 1–14). Yale University Press.

Robbins, S. P. (1990). Organization theory: Structure, design, and applications (3rd ed.). Prentice-Hall.

Robbins, S. P., & Judge, T. A. (2019). Organizational behavior (18th ed.). Pearson.

อนันษา, ท. (2562). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกรับเข้าทำงานของผู้ประกอบการ: กรณีศึกษาบัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา 2562. มหาวิทยาลัยมหิดล. https://doi.org/10.14456/jmu.2022.10

ปุญญวิชญ์. (2564). จับประเด็นตลาดแรงงานในภูมิภาค. แบ่งปันความรู้สู่ภูมิภาค, 4(2564), 1–5.

พิมพา, เห. (2565). ปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อสภาวะการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สำนักงานภาคเหนือ ของธนาคารแห่งประเทศไทย. (2567). แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือ เดือนสิงหาคม 2567. https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northern

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-26

รูปแบบการอ้างอิง

เทิดทูนการค้า เ. ., ใจกล้ารวีกิตติ์ ช. ., & ทิพนานนท์ ส. . (2025). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับเข้าทำงานของผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมภาคเหนือของประเทศไทย. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 19(3), 90–103. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/hsjournalnmc/article/view/284108

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย