ความผูกพันต่อองค์ของบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนลำพูน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
คำสำคัญ:
บุคลากรทางการศึกษา , ความผูกพันองค์กร , โรงเรียนลำพูนพัฒนาบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความผูกพันของบุคลากรทางการศึกษาต่อโรงเรียนลำพูน กรณีศึกษาโรงเรียนลำพูนพัฒนา อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 2) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อความผูกพันของโรงเรียนลำพูน 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันของของโรงเรียนลำพูน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ บุคลากรทางการศึกษา ในโรงเรียนลำพูนพัฒนา อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จำนวน 62 คน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิสหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอย
ผลการศึกษาพบว่า
- ระดับความผูกพันของของบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนลำพูน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยคือ ด้านความรู้สึก ด้านความคงอยู่กับองค์กร และด้านบรรทัดฐาน ตามลำดับ
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนลำพูน อำเภอลำพูน จังหวัดลำพูน เมื่อจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน มีความผูกพันต่อองค์กร ไม่แตกต่างกัน ด้านจำแนกตามอายุ และสถานภาพมีความผูกพันต่อองค์กรของครูของโรงเรียนลำพูน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันของบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนลำพูน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูนตัวแปรปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันของของโรงเรียนลำพูน กรณีศึกษาโรงเรียนลำพูนพัฒนา อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 3 ตัว คือด้านสภาพการทำงานและความมั่นคง (X9) มีอิทธิพลในทิศทางบวก มีขนาด .049 ด้านการปกครองบังคับบัญชา (X7) มีอิทธิพลในทิศทางลบ มีขนาด -.006 ด้านนโยบายและการบริหาร (X6) มีอิทธิพลในทิศทางลบ มีขนาด-.048 ซึ่งสามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ความผูกพันของของโรงเรียนลำพูน กรณีศึกษาโรงเรียนลำพูนพัฒนา อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานตามลำดับดังนี้ Y = 0.028 + 0.049X9 - 0.006X7 - 0.048X6 ZY = 0.066Z9 - 0.007Z7 - 0.057Z6
References
กฤษดา มังคะตา. (2548). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อโรงเรียนของครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่นเขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย.
ขวัญเมือง ไตรนุช. (2554). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันในองค์กร กรณีศึกษา บริษัทเวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด. ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิชาเอกการจัดการวิศวกรรมธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
จุฑามาส แก้วมี. (2551). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรสังกัดสำนักบริหารงานศึกษานอกโรงเรียนในภาคใต้ วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2560). การวิจัยและวิคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. พิมพ์ครั้งที่ 17.กรุงเทพฯ : บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
ณิชานันทน์ ศิริกุลสถิตย. (2562). ความผูกพันต่อองค์กรของครูโรงเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ การค้นคว้าอิสระหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาบัณฑิตภาควิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น.พิมพ์ครั้งที่ 9 กรุงเทพฯ : สุวีรียาสาส์น. ลูกน้ำ เจนหัดพล. (2564). ความผูกพันของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีต่อสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาจันทบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี.
โรงเรียนลำพูนพัฒนา. (2566). ทะเบียนบุคลากรโรงเรียนลำพูนพัฒนา. ค้นเมือวันที่ 15 มีนาคม 2566 .
Allen N. J. and J.P. Meyer. (1990). The Measurement and Antecedents of Affective, continuance and normative commitment to the organization. Journal of Occupational Psychology, 1990 (63), 1-18.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 30(3): 607–610.
Steers. (1977). Antecedents and Outcome of Organizational Commitment. Administrative Science Quarterly, 1977 (22), 46 – 56.
Steers, Sheldon, Mary E. (1971). Investment and Involvement as Mechanism Producing Commitment to the Organization," Administrative Science Quarterly. 16: 143-150.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์