การพัฒนารูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวในประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
The Development of Reading Strategies Model (SQMRS) by using mixed media to learn stories in Prachuap Khiri Khan to develop reading comprehension for grade 6 students, Thai language learning subject group
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การอ่านจับใจความ, สื่อประสมบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) แผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ ประชากร คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 3 ห้อง จำนวน 83 คน โรงเรียนอนุบาลทับสะแก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6/2 โรงเรียนอนุบาลทับสะแก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 28 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลหาค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการศึกษาพบว่า
- รูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 83.03/82.95 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
- ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลปรากฏว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบกลวิธีการอ่าน (SQMRS) โดยใช้สื่อประสม ชุด เรียนรู้เรื่องราวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมาก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.03
References
จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ และวีรวัฒน์ อินทรพร. (2556). ภาษาเพื่อการสื่อสาร. นครปฐม : โครงการตำราและหนังสือ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ฐิตารีย์ เกิดสมกาล. (2555). การศึกษาความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญและเจตคติต่อวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD. วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยนครศรีธรรมราช.
บันลือ พฤกษะวัน. (2557). แนวพัฒนาการอ่านเร็ว-คิดเป็น. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พเยาว์ โพธิ์อ่อน. (2559). การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านเพื่อความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
วัชรา เล่าเรียนดี. (2552). รูปแบบและกลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด. นครปฐม : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์.
สาคร อัฒจักร. (2550). กระบวนการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีการเรียนการสอน. มหาสารคาม : ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
Kruse, K. (2008). Introduction to Instructional Design and the ADDIE Model. [Online] Accessed 30 December . Available from http://www.elearningguru.com/ articles/art2.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์