ความผูกพันในองค์การของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู
Organizational commitment of Nongbualamphu Provincial Education Office.
คำสำคัญ:
ความผูกพัน, องค์การบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาระดับความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู เปรียบเทียบระดับความผูกพันในองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู และศึกษาแนวทางในการเสริมสร้างของความผูกพันในองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ด้านความคาดหวังต่อองค์การ ด้านการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมขององค์การ และด้านความภาคภูมิใจและการยอมรับในองค์การกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือบุคลากร จำนวน 35 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่น 0.955 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางสถิติ โดยใช้สถิติเป็นร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า (t-test for Independent Samples) และการทดสอบ (F-test One Way Analysis of Variance)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระดับความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ทั้ง 5 ด้าน และโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
2. ปัจจัยที่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ สถานภาพสมรส และระยะเวลาการปฏิบัติงาน ปัจจัยที่ไม่มีผลต่อความผูกพันต่อองค์การของบุคลากรในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้แก่ เพศ, อายุ, ระดับการศึกษา, ระดับวิทยฐานะ, ประเภทบุคลากรที่ปฏิบัติงาน และรายได้ต่อเดือน
3. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ปรากฏว่าด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา ปรากฏว่า ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ การบริหารโดยใช้หลักธรรมมาภิบาล ให้คำแนะนำการปฏิบัติงานในหน้าที่โดยไม่หวงความรู้ และพูดคุยเป็นกันเองกับลูกน้อง ร้อยละ 60.00 ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน คือ การให้ปรับปรุงอาคารสถานที่ให้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิมเพื่อการรองรับการบริการผู้ที่มาติดต่อราชการ ร้อยละ 200 และด้านการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมขององค์การ คือ ให้มีการจัดกิจกรรมให้กับบุคลากรในองค์การ เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี เน้นการทำงานเป็นทีมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ร้อยละ 20.00
เอกสารอ้างอิง
ดวงพร พรวิทยา. (2540). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อสถาบันของอาจารย์พยาบาลสังกัดวิทยาลัยพยาบาล สถาบันพระบรมราชชนก สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
ธงชัย สันติวงษ์. (2546). การบริหารงานบุคคล. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
นันทนา ผ่องเภสัช. (2544). ความผูกพันต่อองค์การ : ศึกษากรณีข้าราชการวิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
บรรยงค์ โตจินดา. (2543). การบริหารงานบุคคล. กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์.
ภัทริกา ศิริเพชร. (2541). ความผูกพันต่อองค์การ : ศึกษากรณี บริษัทธนากรผลิตภัณฑ์น้ํามันพืช จํากัด จังหวัดสมุทรปราการ. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
ภรณี มหานนท์. (2542). การประเมินประสิทธิผลขององค์การ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โอเดียนสโตร์.
ยมนา ไพศาลพัฒนสกุล. (2557). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคคล กรณีศึกษา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล. (ออนไลน์) สืบค้นจาก http://dspace.li.mahidol.ac.th/handle/ 123456789/7878 (15 กุมภาพันธ์ 2562)
ยิ่งลักษณ์ เกิดแจ้ง. (2549). ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความผูกพันต่อองค์กรของครูโรงเรียนเอกชน กรณีศึกษา ครูโรงเรียนเซนต์โยเซฟ จ.สกลนคร. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วรนาท สามารถ. (2557). บุพปัจจัยและความแตกต่างของความเชื่อถือไวว้างใจในทีมและความผูกพัน ต่อองค์การระหว่างพนักงานในทีมดั่งเดิมและทีมเสมือนจริง กรณีศึกษา อุตสาหกรรมสายการบิน. (วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: สถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วีรววณ ศรีทันดร, และ สมฤดี ไชยนต์. (2554). คุณภาพชีวิตของบุคลากรที่ส่งผลต่อความผูกพันองค์กร กรณีศึกษา โรงพยาบาลหัวหิน อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
อนันต์ มณีรัตน์. (2554). ความผูกพันในองค์การ ศึกษากรณี สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อธิทธิ์ ประกอบสุข. (2549). ความผูกพันต่อองค์กร : ศึกษาลพระกรณีบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จํากัด. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์