บริบททางสังคมต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมา
Social Context Influencing Public Policy: Case study in Nakhon Ratchasima.
คำสำคัญ:
บริบท, นโยบายสาธารณะบทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง บริบททางสังคมที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมามีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาบริบททางสังคมที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมา 2. เพื่อเปรียบเทียบบริบททางสังคมที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมากำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรคำนวณของ ทาโร ยามาเน่ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คนเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบt-test แบบ Independent samples และ F-test (one way ANOVA)
ผลการศึกษาพบว่า
1. บริบททางสังคมที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมา โดยรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.07) เมื่อพิจารณาตามรายด้าน พบว่า ด้านวัฒนธรรมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุด ด้านสาธารณุปโภค และด้านการศึกษาอยู่ในระดับมาก
2. ประชาชนที่มีเพศและ ระดับการศึกษา ต่างกันมีระดับคุณภาพต่อบริบททางสังคมต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมาโดยรวมและรายช่วงเวลาไม่แตกต่างกัน
ผลการวิจัยนำไปสู่แนวทางการพัฒนาบริบททางสังคมที่เป็นตัวกำหนดการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพ ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรท้องถิ่น และประชาชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพทั้งในระดับครอบครัวและชุมชนอย่างไร ภายใต้บริบททางสังคมวัฒนธรรมและการกำหนดนโยบายของชุมชน
เอกสารอ้างอิง
จํานง อดิวัฒนสิทธิ์ และคณะ. (2540). สังคมวิทยา. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาคณะสังคมศาสตร.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.
บุญชม ศรีสะอาด. (2543). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีรยาสาส์น.
เชฎฐชัย ศรีชุชาติ. (2541). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายสาธารณะ: กรณีศึกษา การจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้แก่ชาวชุมชนแออัดในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ ร.ม.เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์