การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT ร่วมกับกิจกรรมเสริมแรงเชิงบวก เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการทำงานกลุ่ม และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT ร่วมกับกิจกรรมเสริมแรงเชิงบวก 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียน 3) ศึกษาทักษะการทำงานกลุ่มของนักเรียน และ 4) ประเมินสมรรถนะสำคัญของนักเรียนเป็นการวิจัยเชิงทดลอง โดยใช้รูปแบบการวิจัยเป็นแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนร่อนพิบูลย์เกียรติวสุนธราภิวัฒก์ จำนวน 28 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 1 ชั่วโมง ซึ่งใช้เทคนิค LT เป็นโครงสร้างหลักบูรณาการสื่อดิจิทัล 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ 3) แบบประเมินทักษะการทำงานกลุ่ม และ 4) แบบสังเกตพฤติกรรมเพื่อประเมินสมรรถนะสำคัญ ซึ่งเครื่องมือ ทุกฉบับผ่านการตรวจสอบคุณภาพความตรงเชิงเนื้อหา ความยากง่าย อำนาจจำแนก และความเชื่อมั่นที่เหมาะสม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีองค์ประกอบ คือ แผนการจัดการเรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ เรื่อง ปัจจัยการผลิต สื่อ PowerPoint เกมทายภาพ สื่อวงล้อสำหรับสุ่มกลุ่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ใบงานการผลิตสินค้าของฉัน และแบบทดสอบ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียน ( = 9.18) สูงกว่าก่อนเรียน (
= 4.11) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ทักษะการทำงานกลุ่มของนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก (
= 17.75 จาก 20 คะแนน) 4) สมรรถนะสำคัญของนักเรียนทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด และการใช้ทักษะชีวิต โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
จริยา ปัดถาเดช และอรัญ ซุยกระเดื่อง. (2566). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ มัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 17(1), 55-65.
ณัฐชา บุบผามะโล. (2563). การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิคการร่วมกันเรียนร่วมกับสื่อสังคมเพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและการคิดวิเคราะห์วิชาฟิสิกส์ เรื่องสมดุลกล. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.
เบญจรัตน์ เปรมปรีสุข. (2564). การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ LT เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. The New Viridian Journal of Arts, Humanities and Social Sciences, 1(5), 24-36.
เปรมฤดี ศรีสะอาด และคณะ. (2567). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค LT เรื่อง กระบวนการประชาธิปไตย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารสังคมศาสตร์ปัญญาพัฒน์, 6(2), 385-394.
รัฐพร กลิ่นมาลี. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิคการแข่งขันเป็นทีมแบบออนไลน์เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการทำงานเป็นทีม. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 9(5), 400-414.
Johnson, D. W. & Johnson, R. T. (1999). Learning together and alone. Cooperative, competitive and individualistic learning. (5th ed.). Boston: Allyn & Bacon.
Likert, R. (1932). A technique for the measurement of attitudes. Archives of Psychology, 22(140), 1-55.
Mishra, P. & Koehler, M. J. (2006). Technological pedagogical content knowledge: A framework for teacher knowledge. Teachers College Record, 108(6), 1017-1054.
Skinner, B. F. (1953). Science and human behavior. New York: Macmillan.
Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society: The development of higher psychological processes. Cambridge: Harvard University Press.
Wang, A. I. & Tahir, R. (2020). The effect of using Kahoot! for learning - A literature review. Computers & Education, 149, 103818. https://doi.org/10.1016/j.compedu.2020.103818
