การนำเสนอหลักสูตรเสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตามทฤษฎีการปรับตัวของรอย โดยประยุกต์ใช้นาฏศิลป์พื้นเมืองตามแนวคิดนาฏศิลป์บำบัดสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุ

Main Article Content

ประภาศรี ศรีประดิษฐ์
วารีรัตน์ แก้วอุไร

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัญหาคุณภาพชีวิตและความต้องการในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตฯ แนวทางการจัดการเรียนรู้ฯ สร้างและหาคุณภาพของหลักสูตรเสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตามทฤษฎีการปรับตัวของรอยโดยประยุกต์ใช้นาฏศิลป์พื้นเมืองตามแนวคิดนาฏศิลป์บำบัดสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุเป็นกระบวนการวิจัยและพัฒนา มี 2 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 15 คน ขั้นตอนที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรฯ จำนวน 5 คน และผู้สูงอายุจากโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความเหมาะสมของหลักสูตรฯ และแบบประเมินความเหมาะสมของเอกสารประกอบหลักสูตรฯ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณา ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาคุณภาพชีวิต มีโรคประจำตัวที่ไม่ร้ายแรง เช่น ไขมัน ความดัน ไทรอยด์ และเบาหวาน ออกกำลังกายลดลง พักผ่อนและนอนหลับยากขึ้น มีอารมณ์อ่อนไหวและรู้สึกเศร้าต่อเรื่องราวเล็กน้อยได้ง่ายกว่าเดิม ด้านสัมพันธภาพทางสังคม มีกิจกรรมทางสังคมน้อยกว่าที่เคย ด้านสิ่งแวดล้อม มีที่พักอาศัยไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และขาดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวผู้สูงอายุ มีความต้องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านร่างกายและจิตใจ แนวทางในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตฯ ควรส่งเสริมสมรรถนะทางกาย การสร้างและตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรฯ มี 7 องค์ประกอบ คือ ความเป็นมาและความสำคัญ หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง การดำเนินการจัดกิจกรรม การใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ และประเมินผล การสร้างและตรวจสอบคุณภาพฯ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้จริง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ศรีประดิษฐ์ ป. ., & แก้วอุไร ว. . (2025). การนำเสนอหลักสูตรเสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตามทฤษฎีการปรับตัวของรอย โดยประยุกต์ใช้นาฏศิลป์พื้นเมืองตามแนวคิดนาฏศิลป์บำบัดสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุ. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 12(3), 288–299. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/286710
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2560). คู่มือโรงเรียนผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: กองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ.

กฤษณพันธ์ เพ็งศรี. (2565). รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมสําหรับผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยทาง การศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 7(2), 1-10.

กองสุขศึกษา กระทรวงสาธารณะสุข. (2564). คู่มือการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุสำหรับเจ้าหน้าที่และผู้ดูแล. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: บริษัท นิวธรรมดาการพิมพ์ (ประเทศไทย) จำกัด.

กัญญาวีร์ เปี้ยนสีทอง และคณะ. (2561). การบริหารกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุโดยใช้กิจกรรมนาฏศิลป์บำบัดสำหรับชุมชนไทยพวน จังหวัดนครนายก. วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 6(1), 126-136.

กัตติกา ธนะขว้าง และจินตนา รัตนวิฑูรย์. (2556). ผลของการรำไม้พลองมองเซิงเมืองน่านต่อสมรรถภาพทางกายและคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของผู้สูงอายุหญิงที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ. พยาบาลสาร, 40(2), 148-161.

จินดา อุ่นทอง. (2565). การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างความสามารถการวิจัยในชั้นเรียนของครูการศึกษาพิเศษ โดยใช้การพัฒนาบทเรียนร่วมกันกับทีมสหวิชาชีพ. ใน ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ชญาภัสร์ สมกระโทก และคณะ. (2565). หลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการออกแบบการจัด การเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในชีวิตของครูสุขศึกษา. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 14(2), 171-187.

ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2550). การบำบัดทางเลือกในเด็กพิเศษ. (พิมพ์ครั้งที่ 16). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

ปรานี วงษ์เทศ. (2525). พื้นบ้านพื้นเมือง. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้วการพิมพ์.

ศศิธร พุมดวง. (2548). ดนตรีบำบัด. สงขลานครินทร์เวชสาร, 23(3), 185-191.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). รายงานการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการพัฒนาประเทศ จากผลการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.

อังคณา อ่อนธานี. (2564). ผลการใช้การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการทำงานและอาชีพสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 23(2), 336-350.

Cohen, L. et al. (2018). Research Methods in Education. (8th ed.). London: Routledge.

Dixon, E. L. (2002). Community Health Nursing Practice and the Roy Adaptation Model. Public Health Nurs, 16(4), 290-300.

Fawcett, J. (2009). Using the Roy Adaptation Model to Guide Research and/or Practice: Construction of Conceptual-Theoretical-Empirical Systems of Knowledge. AQUICHAN, 9(3), 297-306.

Hertzog M. A. (2008). Considerations in determining sample size for pilot studies. Research in nursing & health, 31(2), 180-191.

Kranthi, K. (2017). Technology enhanced language learning (TELL). International Journal of Business and Management Invention, 6(2), 30-33.

Penny, L. B. (1972). Theory and Methods in Dance-Movement Therapy: A Manual for Therapists, Students, and Educators. Iowa: Kendall/Hunt Publishing Company.

Peter, F. O. (2001). Developing the curriculum. (5th ed.). New York: Longman.

Roy, S. C. (1999). The Roy adaptation model: The definitive statement. New York City: Appleton & Lange.

Saeed, H. & Ali, H. D. (2010). The effect of an exercise program on the health-quality of life in older adults. A randomized controlled trial. Dan Med Bull, 57(1), A4113. DOI: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/20175947/

Taba, H. (1962). Curriculum development: Theory and practice. New York: Harcourt, Brace & World.

Wang, H. (2019). The Effectiveness of Dance Movement Therapy with Elderly Women Who Have Dementia. Retrieved January 14, 2025, from https://digitalcommons.lesley.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1234&context=expressive_theses.