สถานการณ์สุขภาพช่องปากและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การดูแลสุขภาพช่องปาก เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่

Main Article Content

ไกรสร อินภิบาล

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงวิเคราะห์ภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสถานการณ์สุขภาพช่องปาก และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ 2) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก กลุ่มตัวอย่าง คือ 1) นักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ จำนวน 254 คน 2) ผู้ปกครองของนักเรียน จำนวน 254 คน เครื่องมือที่ใช้วิจัย คือ 1) แบบสอบถามนักเรียนและผู้ปกครอง 2) แบบบันทึกข้อมูลการตรวจฟัน วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติ เชิงพรรณนา และ Chi - square test ผลการวิจัย พบว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีฟันแท้ผุ ร้อยละ 50.0 (ผุ 1 - 2 ซี่ 3 - 4 ซี่ และตั้งแต่ 5 ซี่ขึ้นไป ร้อยละ 27.5, 16.1 และ 6.4 ตามลำดับ) โดยเฉลี่ยฟันแท้ผุ 1.3 ซี่ มีฟันน้ำนมผุ ร้อยละ 51.8 (จากที่มีฟันน้ำนม 83 คน) ลักษณะของฟันผุ เป็นฟันผุระยะเริ่มต้น ร้อยละ 36.2 เป็นโรคปริทันต์ ร้อยละ 32.3 มีคราบจุลินทรีย์ ร้อยละ 20.1 ทั้งนี้ ยังไม่มีการสูญเสียฟันแท้ก่อนกำหนด มีพฤติกรรมการดูแลช่องปากในระดับต่ำ ร้อยละ 57.9 รองลงมา คือ ระดับปานกลาง และสูง ร้อยละ 40.5 และ 1.6 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p - value < 0.05) ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันและรักษาโรคในช่องปาก การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคและสุขภาพช่องปาก และการสนับสนุนจากครอบครัว ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กนักเรียนดังกล่าว และส่งเสริมให้ผู้ปกครองเด็กช่วยดูแลเด็กให้มีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อินภิบาล ไ. . (2024). สถานการณ์สุขภาพช่องปากและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การดูแลสุขภาพช่องปาก เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 11(1), 137–149. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/274748
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมอนามัย. (2561). เด็กไทยกับโรคฟันผุ ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลถึงอนาคต. เรียกใช้เมื่อ 26 มกราคม 2567 จาก https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/kid-and-decay-tooth/

ตวงพร กตัญญุตานนท์ และคณะ. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยเบาหวาน ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลวัดศรีวารีน้อย ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28(5), 792-801.

นภา สุวรรณนพรัตน์. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคฟันผุในเด็ก 0-5 ปีในศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก เขตอำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28(ฉบับเพิ่มเติม 1), 23-33.

บรรพต โหมงโก้ว. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนท่ามะขามวิทยา ตำบลดอนทราย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล, 2(2), 23-34.

พรธิชา สัตนาโค. (2562). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากโดยฐานการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ในเขตอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. ใน วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสาธารณสุขศาสตร. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

เพิ่มรัตนะ สรีระเทวิน, และคณะ. (2564). พฤติกรรมสุขภาพช่องปากและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ กับคุณภาพ ชีวิตในมิติสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ จังหวัดนนทบุรี. วารสารทันตาภิบาล, 32(2), 55-69.

เมธาวี นิยมไทย และสุพัฒนา คำสอน. (2564). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทันตสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปลักแรด อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 29(1), 168-179.

วรวลัญช์ หิรัญวิชญารัตน์ และคณะ. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่อง ปากของนักเรียนนิสิตทันตแพทย์และทันตแพทย์ในกรุงเทพมหานคร. วารสารทันต มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ, 14(2), 48-64.

วินัย ทองฤทธิ์ และกฤษณา วุฒิสินธ์. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4-6 โรงเรียนเขตตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 5(1), 36-46.

ศุภกร ศิริบุร. (2560). ความสัมพันธ์ของปัจจัยกับพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพช่องปากด้วย PRECEDE Framework ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 11(3), 355-367.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. (2560). รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศครั้งที่ 8 ประเทศไทย พ.ศ. 2560. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. (2565). รายงานสถานการณ์สุขภาพช่องปาก/ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและความรู้/แผนการขับเคลื่อนและการนิเทศติดตาม รอบ 5 เดือนหลัง (มีนาคม - กรกฎาคม 2565). เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2567 จาก https://dental.anamai.moph.go.th/web-upload/5x9c01a 3d6e5539 cf478715290ac946 bee/tinymce/04

สุระเดช พรมนต์. (2562). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนาแต้โคกสำราญ ตำบลนาแต้ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ. เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2567 จาก http://www.amno.moph.go.th/amno_new/files/3p17.pdf

Becker, M. H. (1974). The health belief model and personal health behavior. Michigan: Charles B. Slack.

Bernstein, D. M. (1999). Perception is everything. New York: Ronjo Magic.

Cohen, S. & Will, T. A. (1995). Stress , Social Support and the Buffering Hypothesis. Psychological Bulletin, 98(2), 310-357.

Dodd, et al. (2011). Advancing the science of symptom management. Journal of Advance Nursing, 33(5), 668-675.

Green, L. W., & Kreuter, M. W. (1996). Health program planning an educational and ecological approach. New York: Quebecor World Fairfield.

Hirunwidchayarat, et al.,. (2019). Correlation of knowledge and behaviours on general health and oral health care among Srinakharinwirot university. SWU Dent J, 12(1), 81-94.

Pender, P. J. (1996). Health Promotion in nursing practice. 3d ed. Toronto: Prentice Hall. Canada.

Rosenstock, I. M. (1974). The Health Belief Model and Preventive Health Behavior. Health Education Monographs, 2(4), 330-335.

Yamane, T. (1967). Statistics : An Introductory Analysis. London: John Weather Hill,Inc.

Yaseen, et al. (2011). Ectopic eruption - A review & case report. J Contemporary Clinical Dent, 2(2), 3-7.