ความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในการบริหารของครู กับประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการมีส่วนร่วมในการบริหารของครูของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานี 2) ศึกษาประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานี และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมในการบริหารของครูกับประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานี โดยรูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร ได้แก่ ครูของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2,325 คน โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ ครูจำนวน 341 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของ ทาโร่ ยามาเน่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการบริหารตามแนวคิดของโคเฮนและอัพฮอฟ และประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานีตามแนวคิด การประเมินแบบสมดุลของแคปแลนและนอร์ตัน แบบสอบถามมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.67 - 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) การมีส่วนร่วมในการบริหารของครูผู้สอนในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การมีส่วนร่วมในการบริหาร ของครูผู้สอนทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานีในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานีทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก 3) การมีส่วนร่วมในการบริหารของครูของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานีมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดปทุมธานีในระดับปานกลาง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). ระบบคลังข้อมูลกลางด้านการศึกษา. เรียกใช้เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2563 จาก http://eduwh.moe.go.th/pub/report/stat
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2540). หลักสถิติ. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2549). เทคนิคการเขียนเค้าโครงการวิจัย: แนวทางสู่ความสำเร็จ. (พิมพ์ครั้งที่ 1). นนทบุรี: ไทยเนรมิตกิจอินเตอร์ โปรเกรสซิฟ จำกัด.
ทินกร ประเสริฐหล้า. (2553). การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต1. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
ไทยโพสต์. (2562). แจ้งความ รร.เอกชนในปทุมธานีเรียกเก็บเงิน-เรียนไม่ตรงหลักสูตร และให้ใบจบการศึกษาไม่ถูกต้อง. เรียกใช้เมื่อ 9 มิถุนายน 2563 จาก https://www.thaipost.net.main/detail/26911
นงคราญ ศุกระมณี. (2558). การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี. ใน การค้นคว้าอิสระปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
พจนารถ วาดกลิ่น. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับการดำเนินงานด้าน วิชาการ โรงเรียนในสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ สังกัดสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
มติชนออนไลน์. (2564). วิกฤตการศึกษาไทย ถ้าไร้ ‘การศึกษาเอกชน’. เรียกใช้เมื่อ 9 มิถุนายน 2564 จาก https://www.matichon.co.th/education/news_2507335
เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. (2553). การบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม: ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและราชการ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). นนทบุรี: บุ๊คพอยท์.
วีระศักดิ์ วงศ์อินทร์. (2557). การมีส่วนร่วมในการบริหารงานวิชาการของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี.
โสภิณ ม่วงทอง และคณะ. (2556). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญในภาคตะวันออก. วารสารการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา, 7(1), 18-29.
Cohen, J. & Uphoff, N. (1977). Rural Development Participation: Concepts and Measures for Project Design, Implementation, and Evaluation. New York: Cornell University.
Kaplan, R. S. & Norton, D. P. (1996). The Balanced Scorecard. Boston: Harvard Business School Press.
Yamane, T., (1967). Elementary Sampling Theory. New Jersey: Prentice Hall.