ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน

Main Article Content

มลฤดี แสนจันทร์
นิสากร วิบูลชัย

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแนวปรากฏการณ์วิทยา ผู้ให้ข้อมูลเป็นนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ในการจัดการภาวะอ้วน อายุระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 12 คน รวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกรายบุคคลตามแนวทางการสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลการสัมภาษณ์โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลของโคไลซี สร้างความน่าเชื่อถือของงานวิจัยตามเกณฑ์ของลินคอล์นและคูบา ผลการวิจัยพบว่า ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน จำแนกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1) การจัดการตนเองด้านชีวิตประจำวัน เป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติเป็นประจำหรือปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวันจนเกิดความต่อเนื่อง ประกอบด้วย การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการบริหารจัดการเวลา 2) การจัดการตนเองด้านจิตใจ เป็นการตั้งเป้าหมายในการจัดการภาวะอ้วน การปรับเปลี่ยนมุมมองให้เกิดการยอมรับตนเองจนเกิดความเชื่อมั่นในการจัดการภาวะอ้วน ประกอบด้วย ตั้งปณิธาน เปลี่ยนมุมมอง และสร้างความเข้มแข็งในใจ 3) สิ่งที่ช่วยในการจัดการตนเอง เป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้การจัดการภาวะอ้วนประสบผลสำเร็จ ประกอบด้วย ต้องการภาพลักษณ์ที่ดี ต้องการมีสุขภาพที่ดี การกำกับตนเอง การใช้สื่อ สังคมโซเซียล และการมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ผลการศึกษาครั้งนี้ทำให้เกิดความเข้าใจในการจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน และสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับนักศึกษาพยาบาลครอบคลุมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และจิตสังคม รวมถึงใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาโปรแกรมการจัดการตนเองในนักศึกษาพยาบาลหรือผู้ที่มีภาวะอ้วนให้ถูกต้องต่อไป

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
แสนจันทร์ ม. ., & วิบูลชัย น. . (2022). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 9(5), 585–602. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/261463
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ดวงกมล ปิ่นเฉลียว. (2561). การจัดการโรคอ้วนกับพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน. วารสารพยาบาลตำรวจ, 10(2), 433-441.

นวรัตน์ โกมลวิภาต และวิลาวัลย์ อุดมการณ์เกษตร. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้ความสามารถในตนเอง ต่อพฤติกรรมสุขภาพ น้ำ หนัก และเส้นรอบเอว ของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะโภชนาการเกิน. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 37(2), 118-131.

ปภาสินี แซ่ติ๋ว และธนิดา ทีปะปาล. (2559). การพัฒนาโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพต่อการลดน้ำหนักของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 9(3), 80-94.

ปุสสมาศ สมัครสมาน และคณะ. (2561). ประสิทธิผลของโปรแกรมการพัฒนาความตระหนักรู้ในตนเอง และความสามารถของตนเองของแม่บ้านที่อ้วนลงพุงในตำบลกกตูม อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. วารสารพยาบาล, 67(2), 27-35.

รายที่ 1. (9 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 10. (21 กุมภาพันธ์ 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 11. (25 กุมภาพันธ์ 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 12. (4 มีนาคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 2. (10 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 3. (11 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 4. (17 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 5. (21 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 6. (24 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 7. (28 มกราคม 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 8. (4 กุมภาพันธ์ 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

รายที่ 9. (7 กุมภาพันธ์ 2565). ประสบการณ์การจัดการตนเองของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. (มลฤดี แสนจันทร์, ผู้สัมภาษณ์)

วิชัย เอกพลากร และคณะ. (2564). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.

วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม. กลุ่มกิจการนักศึกษา. (2564). รายงานผลการตรวจสุขภาพนักศึกษา ประจำปี 2564. มหาสารคาม: วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม.

วิรงค์รอง ชมภูมิ่ง. (2562). ความสามารถในการบริหารเวลาของนักศึกษาพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 35(3), 199-211.

สายสมร พลดงนอก และคณะ. (2558). ความรู้เรื่องโรคอ้วนลงพุง. (พิมพ์ครั้งที่ 1). ขอนแก่น: หน่วยสร้างเสริมสุขภาพ งานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลศรีนครินทร์.

สิริทรัพย์ สีหะวงษ์ และคณะ. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. วารสาร มฉก.วิชาการ, 21(42), 93-106.

แสงเทียน ธรรมลิขิตกุล และสิริรัก สินอุดมผล. (2559). ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข การลดน้ำหนักของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช. วารสารเกื้อการุณย์, 23(2), 23-30.

อดุลย์ วุฒิจูรีพันธ์ และคณะ. (2562). ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมแรงจูงใจในการลดนํ้าหนักผ่านการสื่อสาร ทางอิเล็กทรอนิกส์ในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วน. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 35(2). 57-70.

อรพินท์ สีขาว และคณะ. (2561). พฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของนักศึกษาพยาบาลที่มีดัชนีมวลกายเกินมาตรฐาน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสาร มฉก.วิชาการ, 22(43-44), 1-12.

Liaw, FY. et al. (2016). Components of metabolic syndrome and the risk of disability among the elderly population. Sci Rep, 6(22750), 1-9.

Lincoln, Y.S., & Guba, E.G. (1985). Naturalistic inquiry. Newbury Park: Sage.

Roy, S.K. et al. (2021). Perceived stress, eating behavior, and overweight and obesity among urban adolescents. J Health Popul Nutr, 40(54), 1-13.

Streubert, H. J. & Carpenter, D. R. (2011). Qualitative research in nursing: Advancing the humanistic imperative (5nded). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.

Van der Valk, E. S. et al. (2018). Stress and obesity: Are there more susceptible individuals? Current obesity reports, 7(2), 193–203.

Virgínia, R. et al. (2020). Metabolic syndrome in type 2 diabetic patients: A review of current evidence. Porto Biomedical Journal, 5(6), 1-6.