ความเท่าเทียมระหว่างเพศในหน้าที่รับราชการทหาร

บทคัดย่อ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 27 กำหนดให้บุคคลย่อมเสมอกันในทางกฎหมาย มีสิทธิ เสรีภาพตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกรณี ชายและหญิงย่อมเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยไม่เป็นธรรม ไม่ว่าด้วยเหตุผลเรื่องถิ่นกำเนิด ภาษา เชื้อชาติ เพศจะกระทำมิได้ และมาตรา 50 กำหนดให้ บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 7 กำหนดให้เฉพาะชายไทยเท่านั้นมีหน้าที่ต้องรับราชการทหาร ไม่เปิดโอกาสให้หญิงไทย หรือบุคคลข้ามเพศสามารถเข้ารับราชการทหารได้ กฎหมายไทยได้รับอิทธิพลมาจากกฎหมายชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะแนวคิดสมัยโบราณที่ให้ความสำคัญกับชายมากกว่าหญิง ก่อให้เกิดปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะปัจจัยเรื่องเพศของบุคคลที่แตกต่างกัน อันขัดต่อหลักความเสมอภาค บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทฤษฎีแนวความคิดเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร และศึกษาเปรียบเทียบบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยและของต่างประเทศ ในเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศในการรับราชการทหาร ผลศึกษาพบว่า บทบัญญัติการรับราชการทหารของไทยบังคับใช้มาเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคระหว่างเพศในเรื่องการรับราชการทหาร กระทบไปถึงสิทธิในการสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ซึ่งปัจจุบันเป็นระบบบังคับเฉพาะแก่เพศชายเท่านั้น จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทุกเพศที่สมัครใจสามารถสมัครเข้ารับราชการทหารได้ และเปลี่ยนจากระบบบังคับเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคของบุคคลทุกเพศในทางกฎหมายอย่างแท้จริงและเป็นไปตามต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญกำหนด