การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคมของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคมของนักศึกษา 2) ศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคมของนักศึกษา และ3) ศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคมของนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช เป็นวิจัยเชิงปริมาณเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม เลือกตัวอย่างแบบอย่างง่าย โดยใช้ตารางบัญชีรายชื่อ กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาปริญญาตรี ปีที่ 1-2 จำนวน 120 คน สถิติที่ใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test, F-Test และตาราง ผลการวิจัยพบว่า 1. การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคม ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนาจริยธรรม โดยรวมอยู่ในระดับมาก เพศชาย ( = 4.20) และเพศหญิง ( = 3.83) ค่าเฉลี่ยมากสุดคือ การส่งเสริมให้มีความรักต่อกัน และ2) ด้านการประยุกต์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เพศชาย ( = 4.49) และเพศหญิง ( = 4.14) ค่าเฉลี่ยมากสุดคือ ด้านจิตตะ 2. เปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 โดยจำแนกคุณลักษณะส่วนบุคคลตามเพศ อายุ ชั้นปี สาขา สถานภาพ อาชีพ และรายได้ พบว่า ความแตกต่างของคุณลักษณะต่าง ๆ โดยภาพรวมทุกด้านไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ3. ข้อเสนอแนะการประยุกต์ใช้คือ ด้านฉันทะ ด้านวิริยะ ด้านจิตตะ และด้านวิมังสา มหาวิทยาลัยควรเน้นสอนเกี่ยวกับคุณธรรมทางปัญญาโดยให้ความรู้เกี่ยวกับความดีและชีวิตที่ดี เพื่อส่งเสริมให้มนุษย์กระทำความดี เพื่อเป้าหมายแห่งความสุขในชีวิต และคุณธรรมทางศีลธรรมเพื่ออบรมบ่มนิสัยให้มีศีลธรรม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
เดชชาติ ตรีทรัพย์. (2650). แรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราชปการศึกษา 2555. Journal of Yanasangvorn Research Institute, 8(1), 131-139.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่ม 1. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาการพิมพ์.
ผอบทอง สุจินพรัหม. (2559). การนำหลักธรรมอิทธิบาท 4 มาใช้ในการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามทรรศนะของบุคลากรในโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษจังหวัดศรีสะเกษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 5(2), 102-111.
พระครูสุชัยพัชรมงคล (วิษณุ ตปสมฺปนฺโน). (2563). การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติงาน. บัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์, 8(2), 173-184.
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2538). ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา.
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. (2564). สถิติข้อมูลนักศึกษา. เรียกใช้เมื่อ 14 มีนาคม 2564 จาก https://ssc.mbu.ac.th/?fbclid=IwAR1upuvAXrx4807vTj0DTpDa GZQatNzq4E-XbNnli_5XTks_0eARNFi1Big
ลักขณา สริวัฒน์. (2554). การประยุกต์ใช้อิทธิบาท 4 ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญของครูระดับประถมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 10 (2), 163-170.
ลักขณา สริวัฒน์. (2554). จิตวิทยาในชั้นเรียน (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 3. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2539). องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร: บริษัทธีระฟิลม์และไซแท๊กซ์ จำกัด.
สมาคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย. (2542). สารานุกรมทางสังคมสงเคราะห์ศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : ศักดิ์โสภาการพิมพ์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2545. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี.
สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์. (2560). ทิศทางการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21. Veridian EJournal., (10)2, 2843-2854.
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed.). New York: Harper Collins. Publishers.
Likert, Rensis. (1967). “The Method of Constructing and Attitude Scale”. In Reading in Fishbeic, M (Ed.), Attitude Theory and Measurement (pp. (pp. 90-95)). New York: : Wiley & Son.