ภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า กลุ่มตัวอย่างคือมารดาของเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า จำนวน 82 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของมารดาและเด็ก แบบประเมินภาระการดูแล แบบประเมินภาวะสุขภาพจิตทั่วไป และแบบประเมินเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการทดสอบไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า ภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า โดยรวมอยู่ในระดับน้อย ( = 0.48, SD = 0.39) และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า พบว่า ปัจจัยด้านมารดา ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส อาชีพ รายได้ต่อเดือน โรคประจำตัว ระยะเวลาการดูแลเด็ก การได้รับการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง จำนวนบุตร สภาพหนี้สิน และปัจจัยด้านเด็ก ได้แก่ เพศ อายุ โรคประจำตัวอื่นๆ และพัฒนาการด้านที่บกพร่อง ไม่มีผลต่อภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาล่าช้า ส่วนภาวะสุขภาพจิตทั่วไปของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า มีผลต่อภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (c2 – test = 0.001, p - value = 11.82) ดังนั้นในการให้การพยาบาลเด็กแบบองค์รวม ต้องคำนึงถึงภาวะสุขภาพจิตทั่วไปของมารดา ให้การช่วยเหลือรักษาสุขภาพจิตของมารดาควบคู่ไปกับการรักษาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้าเพื่อลดภาระการดูแลของมารดาเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้า
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2558). คู่มือประเมินเพื่อช่วยเหลือเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการ (Thai Early Developmental Assessment for Intervention: TEDA4I). (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
จิราภา ศรีรัตน์ และคณะ. (2561). ประสบการณ์ของมารดาเด็กออทิสติกวัยเรียนที่รับรู้การถูกตีตรา. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(2), 211-219.
ชนัญชิดาดุษฏี ทูลศิริ และคณะ. (2554). การพัฒนาแบบวัดภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 4(1), 62-75.
ชลดา สติปัญ และคณะ. (2559). สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส ความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก และการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด. วารสารพยาบาลสาร, 43(5), 71-81.
ธนา นิลชัยโกวิทย์ และคณะ. (2545). แบบสอบถามThaGeneralHealthQuestionnaire ฉบับภาษาไทย. เรียกใช้เมื่อ 2 กันยายน 2564 จาก https://www.dmh.go.th/ test/download/files/ghq.pdf
ธนิษฐา ศิริรักษ์. (2560). การดูแลสุขภาพตามวัย (Health Care in Differently Age Population). เรียกใช้เมื่อ 2 กันยายน 2564 จาก https://meded.psu.ac.th/ binlaApp/class01/388100/Health_care_in_differently/index5.html
พิมพ์ชนก จันทราทิพย์ และคณะ. (2563). ปัจจัยทำนายภาระของผู้ดูแลเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 28(2), 52-63.
เยาวรัตน์ รัตน์นันต์. (2559). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย เขตสุขภาพที่ 8. เข้าถึงได้จาก http://203.157.71.148/Information/center/research-web.pdf.
ละเอียด ศิลาน้อย. (2560). การใช้สูตรทางสถิติ (ที่ถูกต้อง) ในการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพื่อการวิจัย เชิงปริมาณในทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. วารสารวิจัยพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์, 12(2), 50-61.
หนึ่งฤทัย เกื้อเอียด และคณะ. (2561). สถานการณ์และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อ พัฒนาการของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี : การทบทวนวรรณกรรม. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 5(1), 281-296.