เทคนิคการบริหารสภาทนายความสู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษานโยบายการบริหารสภาทนายความสู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพ 2) เพื่อศึกษาเทคนิคการบริหารสภาทนายความสู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพให้ได้ประสิทธิผล และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารที่เหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาโดยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบคำถามสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบคำถามสนทนากลุ่ม โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ให้ข้อมูลกลุ่มที่ 1 คณะกรรมการบริหารสภาทนายความจำนวน 3 ท่าน ผู้ให้ข้อมูลกลุ่มที่ 2 กรรมการบริหารสภาทนายความภาคจำนวน 12 ท่าน ผู้ให้ข้อมูลกลุ่มที่ 3 การระดมความคิดเห็นจากทนายความ จำนวนกลุ่มละ 10 คน ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งสิ้น 40 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) นโยบายการบริหารสภาทนายความ เกิดปัญหาจากการปฏิบัติงาน ด้วยความแตกต่างระหว่างบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล ความไม่เท่าเทียมกัน การขาดความรู้สึกในการมีส่วนร่วม การขาดแคลนทางเลือก การกระจายข่าวสาร  การกำหนดนำกลไกในการส่งเสริม ในการที่จะบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นในการที่จะพัฒนากฎหมาย 2) เทคนิคการบริหารสภาทนายความ เน้นการจัดการแบบมีส่วนร่วม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การตรวจสอบสิทธิ การเปลี่ยนแปลงสู่การปฏิบัติใหม่ การเพิ่มพัฒนาทักษะ การเรียนรู้กฎหมายที่บังคับใช้ใหม่ การฝึกอบรมให้ทนายความเป็นมืออาชีพด้วยความรู้ในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเท่าทัน และ 3) แนวทางการบริหารจัดการสภาทนายสู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพ โดยให้ความสำคัญกับทนายความเป็นสำคัญ และการปรับใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานสู่ความเป็นเลิศทางวิชาชีพให้เหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน