การออกกำลังกายกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์

Main Article Content

วลัยลักษณ์ สุวรรณภักดี
มลิวัลย์ บุตรดำ
อุทุมพร ดุลยเกษม

บทคัดย่อ

                เบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและความผิดปกติของการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์มีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงและนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ เช่น การแท้ง การคลอดยาก การตกเลือดหลังคลอด ความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ทารกตัวโต และทารกพิการแต่กำเนิด หญิงตั้งครรภ์สามารถป้องกันหรือลดภาวะเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ด้วยวิธีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีการออกกำลังกายน้อย เพราะเชื่อว่าการออกกำลังกายจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ นำไปสู่การแท้งบุตรได้ และการขาดความรู้ในการออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ที่ถูกต้อง แต่การออกกำลังกายร่วมกับการควบคุมอาหารสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ดีกว่าการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว ซึ่งวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรออกแรงเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายและส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อส่วนท้องน้อยที่สุด เช่น การเดิน ว่ายน้ำ โยคะ เป็นต้น การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ การเดิน เนื่องจากทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ การออกกำลังกายที่ดีนั้นควรทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป ใช้ระยะเวลาต่อครั้งประมาณ 30 นาที ความแรงระดับปานกลาง ส่งผลให้ร่างกายนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น ทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดลง และเป็นการลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุวรรณภักดี ว. ., บุตรดำ ม., & ดุลยเกษม อ. (2020). การออกกำลังกายกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(11), 396–408. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/248309
ประเภทบทความ
บทความวิชาการ

เอกสารอ้างอิง

เจนพล แก้วกิติกุล และคณะ. (2555). ภาวะแทรกซ้อนของมารดาและทารกในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน ที่มารับบริการในโรงพยาบาลพิจิตร. วารสารโรงพยาบาลพิจิตร, 27(2), 70-82.

กนกวรรณ ฉันธนะมงคล. (2556). การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรม นรีเวชและศัลยกรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: จามจุรีโปรดักท์.

ปิยะนันท์ ลิมเรืองรอง และคณะ. (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบางประการ การออกกำลังกาย และระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง ในสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารพยาบาลศาสตร์, 29(2), 49-59.

วิบูลย์ เรืองชัยนิคม. (2556). เบาหวานกับการตั้งครรภ์. ใน เยื้อน ตันนิรันดร, วรพงศ์ ภู่พงศ์ และเอกชัย โควาวิสารัช (บรรณาธิการ). เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (พิมพ์ครั้งที่ 3, หน้า 223-258). กรุงเทพมหานคร: ราชวิทยาลัยสูตินารีเวชแห่งประเทศไทย.

สนธยา สีละมาด. (2557). กิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาวะ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2557). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557. กรุงเทพมหานคร: อรุณการพิมพ์.

สุนันทา ยังวนิชเศรษฐ. (2559). การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน. กรุงเทพมหานคร: สหมิตรพัฒนา.

อารีรัตน์ สุพุทธิธาดา. (2546). ข้อแนะนำในการออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์สำหรับหญิงไทย. นนทบุรี: กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.

American College of Sports Medicine. (2011). ACSM’s resource manual for guidelines for exercise testing and prescription. (4th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.

Bambicini et al. (2012). Effects of aerobic and resistance exercises on glycemic levels of patients with gestational diabetes. International journal of Gynecology & Obstetric, 119(53), S531–S867.

Cunningham et al. (2010). Williams obstetrics. (23rd ed.). New York: McGraw-Hill.

Duncombe, D. et al. (2009). Factors related to exercise over the course of pregnancy including women’s beliefs about the safety of exercise during pregnancy. Midwifery, 25(4), 430-438.

Gilbert, E. S. (2011). High risk pregnancy & delivery. (5th ed.). United States of America: Book Aid International.

Kanthiya et al. (2013). Prevalence of gestational diabetes mellitus and pregnancy outcomes in women with risk factors diagnosed by IADPSG criteria at Bhumibol Adulyadej Hospital. Thai Journal of Obstetrics and Gynecology, 21(4), 141-149.

Mannan, M. A. et al. (2012). Prevalence and pregnancy outcome of gestational diabetes mellitus among Bangladeshi Urban pregnant women. Journal of Medicine, 13(2), 147-151.

Marcelo, C. D. et al. (2010). Resistance exercise and glycemic control in women with gestational diabetes mellitus. American Journal of Obstetrics & Gynecology, 203(6), 556-556.

Pillitteri, A. (2010). Care of the childbearing and childrearing family. (6th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wikins.

Ruchart, S. M. et al. (2012). Effect of exercise intensity and duration on capillary glucose responses in pregnant women at low and high risk for gestational diabetes. Diabetes Metabolism Research Review, 28(8), 669–678.

Sonja, B. R. et al. (2012). Pregnancy outcomes in women with and without gestational diabetes mellitus according to the international association of the diabetes and pregnancy study groups criteria. Obstetrics and Gynecology, 120(4), 746-752.

Warunpitikul, R. & Aswakul, O. (2014). The incidence of diabetes mellitus in pregnant women and its outcomes between pregnant women with diabetes mellitus and non-diabetes mellitus at Maharat Nakhon Ratchasima hospital. Thai Journal of Obstetrics and Gynecology, 22(2), 81-87.

Youngwanichsetha, S. et al. (2014). The effects of mindfulness eating and yoga exercise on blood sugar levels of pregnant women with gestational diabetes mellitus. Applied Nursing Research, 27(4), 227-230.

Zurawska-Klisl, M. et al. (2016). Obstetric results of the multicenter, nationwide, scientific-educational program for pregnant women with gestational diabetes mellitus (GDM). Ginekologia Polska, 87(9), 651–658.