การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก กรณีศึกษาสหวิทยาเขตสตึก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32

Main Article Content

ศักดิ์นรินทร์ นิลรัตนศิริกุล
พีระศักดิ์ วรฉัตร

บทคัดย่อ

          บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึ่งประสงค์ ของสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) พัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้  เชิงรุก สหวิทยาเขตสตึก และ 3) พัฒนาคู่มือพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก การดำเนินการวิจัย มีลักษณะเป็นการวิจัยแบบผสม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยมีกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน โดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม ระยะที่ 2 การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ใช้กลยุทธ์ในการพัฒนา คือ การประชุมเชิงปฏิบัติการและการนิเทศติดตาม โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นครูผู้สอนในสหวิทยาเขตสตึกที่สมัครใจ จำนวน 13 คน และระยะที่ 3 การพัฒนาคู่มือพัฒนาสมรรถนะครู ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบัน โดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก 2) การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สหวิทยาเขตสตึก ใช้หลักการวิจัยเชิงปฏิบัติการ 2 วงรอบ พบว่า สามารถพัฒนาผู้ร่วมวิจัย ให้มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถการจัดการเรียนรู้เชิงรุกได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3) การพัฒนาคู่มือพัฒนาสมรรถนะครู ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
นิลรัตนศิริกุล ศ., & วรฉัตร พ. (2020). การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก กรณีศึกษาสหวิทยาเขตสตึก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(10), 128–141. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/247523
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

เชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์. (2561). คู่มือการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

ดารา ดาวดึงส์. (2557). การพัฒนาบุคลากรในการเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนหนองโนวิทยา อำเภอหนองกุงศรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2. ใน วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

ทักษิณ เกษต้น. (2561). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดการเรียนรู้ของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.

มะลิวัน สมศรี. (2558). การพัฒนาคู่มือพัฒนาสมรรถนะทางวิชาการของครู. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ละเอียด เอี่ยมสุวรรณ. (2556). คู่มือการตรวจสอบผลการดำเนินงานโครงการ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกรมควบคุมโรค.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 32. (2561). รายงานผลการดำเนินงานประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2560. บุรีรัมย์: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 32.

สำนักงานปฏิรูปการศึกษา. (2545). แนวทางการบริหารและการจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: สำนักงานปฏิรูปการศึกษา.

สุเทพ ชิตยวงษ์. (2562). รายงานนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.

แสน สมนึก. (2541). คู่มือการนิเทศภายในโรงเรียน. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.

Bonwell, C. C. & Eison, J. A. (1991). Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.ERIC Clearinghouse on Higher Education. Washington: George Washington University.

John, C. B. (2011). Engaging Ideas: The Professor’s Guide to Integrating Writing, Critical Thinking and Active Learning in the Classroom. New York: John Wiley Hesler.