การจัดการสิ่งแวดล้อมในบ้านเพื่อควบคุมการกำเริบของโรคหืดในเด็กก่อนวัยเรียน: บทบาทที่ท้าทายของพยาบาล
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทบาทสำคัญของพยาบาลในการควบคุมปัจจัยกระตุ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหอบกำเริบในเด็ก ถือเป็นบทบาทที่สำคัญและหนึ่งในการจัดการที่ต้องดำเนินการคือการจัดการสิ่งแวดล้อมในบ้านสำหรับเด็กโรคหืด เนื่องจากหากการจัดการไม่เหมาะสม จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคทำได้ไม่เต็มที่ เด็กก่อนวัยเรียนที่ป่วยเป็นโรคหืดต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน มีการศึกษาพบว่าจำนวนและชนิดของปัจจัยกระตุ้นให้จับหืดในบ้านมากกว่านอกบ้าน หากเด็กโรคหืดสัมผัสปัจจัยกระตุ้นเป็นประจำจะทำให้เกิดอาการหอบกำเริบบ่อย ๆ และการควบคุมโรคไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของพ่อ แม่ ผู้ปกครองที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กับการใช้ยาอยู่เสมอ เพื่อให้เด็กโรคหืดสามารถควบคุมโรคได้ และยังคงระดับการควบคุมโรคให้อยู่ระดับ Control การจัดการปัจจัยกระตุ้นในบ้านแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันและหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับบริบทของบ้าน บทบาทของพยาบาลในการกระตุ้นให้ผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดูแลเด็กก่อนวัยเรียนถือว่าเป็นบทบาทที่ท้าทาย การสร้างส่วนร่วมของครอบครัวให้เป็นผู้บริหารร่วมในการวางแผนการพยาบาลเพื่อควบคุมโรคของเด็กก่อนวัยเรียน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านสำหรับเด็กโรคหืด และบทบาทพยาบาลในการจัดการสิ่งแวดล้อมในบ้านสำหรับโรคหืดในเด็กก่อนวัยเรียน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการดูแล การให้คำแนะนำสำหรับครอบครัวและติดตาม การดำเนินการเพื่อให้ควบคุมการกำเริบของโรคได้ผลดียิ่งขึ้น
Article Details
เอกสารอ้างอิง
สุจิตรา สีดาดี และชนนิกานต์ วิไลฤทธิ์. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับการควบคุมโรคหืดในผู้ป่วยที่รับการรักษาในโรงพยาบาล ลำปายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสาร วิชาการสาธารณสุข, 23(1), 30-36.
อรพรรณ โพชนุกูล และ สมบูรณ์ จันทร์สกุลพร. (2558). โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในเด็ก. พระนครศรีอยุธยา: เทียนวัฒนาพริ้นติ้ง.
Ahmet U Demir et al. (2010). Asthma and Allergic Diseases in School Children from 1992 to 2007 with Incidence Data. Journal of Asthma, 47(10), 1128-1135.
Chiang, L. (2005). Exploring the health - related quality of life among children with moderate Asthma. Journal of nursing Research, 13(1), 31-39.
Dean et al. (2009). The Impact of Uncontrolled Asthma on Absenteeism and Health - Related Quality of Life. Journal of Asthma, 46(9), 861-866.
K.A.W. Karunasekera et al. (2005). Genetic and environmental risk for asthma in children aged 5 - 11 years. Sri Lanka Journal of Child Health, 34(3), 79-83.
Karel Koenig et al. (2003). Parents' perspectives of asthma crisis hospital management in infants and toddlers: An interpretive view through the lens of attachment theory. Journal of Pediatric Nursing, 18(4), 233-243.
Mathew, A. et al. (2012). Prevalence and Risk Factors of Asthma in School Going Children in South India. Nepal Journal of Epidemiology, 2(1), 171-178.
Pablo A Mora et al. (2011). Factor structure and longitudinal invariance of the Medical Adherence Report Scale - Asthma. Psychol Health, 26(6), 713-727.
Robin S. Everhart et al. (2011). Differences in Environmental Control and Asthma Outcomes Among Urban Latino, African American, and Non–Latino White Families. Pediatric Allergy, Immunology, and Pulmonology, 24(3), 165-169.