แนวทางการป้องกันอบายมุขภายในวัดตามโครงการวัดสีขาว ของอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานแนวทางการป้องกันอบายมุขภายในวัดตามโครงการวัดสีขาวของอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง 2) เพื่อศึกษาแนวทางการป้องกันอบายมุขภายในวัดตามโครงการวัดสีขาวของอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methodology) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ พระสงฆ์ ที่จำวัดอยู่ในเขตอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง จำนวน 172 รูป โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของทาโร่ยามาเน่ (Taro Yamane) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 120 รูป ผู้วิจัยได้ทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นได้ค่าของความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า (t – test) และการทดสอบค่า (F – test) และสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลเชิงลึก จำนวน 49 รูป/คน โดย
ผลการวิจัยพบว่า: 1) สภาพการดำเนินงานแนวทางการป้องกันอบายมุขภายในวัดตามโครงการวัดสีขาวของอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านแนวทางการป้องกันการสูบบุหรี่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.66) รองลงมา ได้แก่ ด้านแนวทางการป้องกันการเล่นการพนัน (
= 3.61) ด้านแนวทางการป้องกันการดื่มสุรา (
= 3.56) และด้านแนวทางการป้องกันยาเสพติดมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (
= 3.50) 2) ผู้วิจัยสรุปประเด็นสำคัญจากผู้ให้ข้อมูลหลัก (แบบสัมภาษณ์ ) แนวทางป้องกันอบายมุขดังนี้วัดและผู้เกี่ยวข้องควรมีการจัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมและศีลธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับอบายมุขต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางในการป้องกัน เช่น การสูบบุหรี่ การเล่นพนันออนไลน์ แทงหวยเป็นต้น และควรมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอบายมุข รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนเป็นคนดี มีศีลธรรม มีการเผยแพร่หลักการป้องกันยาเสพติดให้รู้ถึงโทษ และพิษภัยของยาเสพติด เพื่อป้องกันการระบาดของยาเสพติดในชุมชน โดยให้พระสงฆ์เข้ามามีส่วนร่วมในการเข้าไปดูแลบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติดและควรแจ้งข่าวสารประชาสัมพันธ์ให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป ทราบในการรณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงยาเสพติดโดยทางวัดต่าง ๆ ได้มีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายอบรมและส่งเสริมให้พระสงฆ์ ฝึกอบรมให้ทุกคนเป็นคนดีอยู่ในสังคมได้ และรู้เท่าทันถึงอบายมุข โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงปัญหายาเสพติดเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางสังคมที่สูงสุดต่อสังคมต่อไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
พระมหาวิเชียร ชาญณรงค์. (2547). บทบาทพระสงฆ์ในการนำหลักธรรมมาใช้ทำกิจกรรมงานพัฒนาชุมชนเพื่อการลด ละ เลิกอบายมุข: ศึกษาเฉพาะกรณี พระครูศีลวราภรณ์ (เฉลิม ฐิติสีโล) วัดโนนเมืองตำบลโนนเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. ใน วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พระมหาวิรัตน์ อธิปุญฺโญ (รัชเสมอ). (2561). อบายมุข 4 เพื่อพัฒนาคุณภาพของคณะสงฆ์ในโรงเรียนเทศบาล 1 วัดพระงาม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม. เรียกใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม 2562 จาก http://www.thongsook.ac.th.
ส่งศรี ชมภูวงศ์. (2554). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). นครศรีธรรมราช: วีพีเอส.
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์. (2561). โครงการถวายความรู้พระสังฆาธิการด้านการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในศาสนสถานตามโครงการวัดสีขาวปลอดยาเสพติด จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำปี 2561 ตามแผนยุทธการฟ้าแดดสงยางระดมกวาดล้างยาเสพติด. เรียกใช้เมื่อ 5 กรกฎาคม 2562 จาก https://www.m-culture.go.th
สุรพล พรมกุล. (2562). การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของพระสงฆ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน. เรียกใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม 2562 จาก http://www.mcukk.com/