การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย

Main Article Content

ตราดุลย์ นรนิติผดุงการ
นฤมล อนุสนธิ์พัฒน์

บทคัดย่อ

          บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพใช้แนวทางการสังเคราะห์งานวิชาการ สังเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย ผ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย สืบค้นเอกสาร ตำรา วารสาร


          ความไม่สงบทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของประเทศไทยที่ผ่านมานั้นส่งผลถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพลักษณ์เชิงลบ ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยของประเทศไทยนั้นอยู่ในระยะ “เปลี่ยนผ่าน” วิกฤตทางเศรษฐกิจและการเมืองหลายต่อหลายครั้งควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของโลกในศตวรรษที่ 21 เกิดผลกระทบจากเหตุการณ์วิกฤตต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติด้านการเมืองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีระดับผลกระทบมากที่สุด การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันอย่างมาก เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อการขยายตัวของภาคประกอบการ วิกฤตการณ์การเมืองก่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย 5 ประเภท ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมและการเมือง ด้านเทคโนโลยี ด้านสุขภาพ และด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวต่ำลง ความเสี่ยงจากการดำเนินงานในธุรกิจการให้บริการ การเปลี่ยนแปลงโดยรวมทั้งสภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคและท้องถิ่น ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและวิถีการท่องเที่ยวของประชาชนและปัจจัยอื่น ๆ เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เกิดจุดด้อยและเป็นภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวและเกิดภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวด้านเศรษฐกิจและการเมืองเชิงลบ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
นรนิติผดุงการ ต. ., & อนุสนธิ์พัฒน์ น. . (2020). การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(4), 174–189. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/242469
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา. (2562). สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา.

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2562). ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นลินทิพย์ ภัคศรีกุลกำธร. (2553). จับตาอุตสาหกรรมยานยนต์กระอัก! ฉุดยอดการส่งออก ผลจากพิษสงครามการค้า - เศรษฐกิจโลกทรุด. เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2563 จาก https://positioningmag.com/

บริษัท ไทยวาพลาซ่าจำกัด. (2562). ปัจจัยความเสี่ยง. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ไทยวาพลาซ่าจำกัด.

ผู้จัดการออนไลน์. (2563). การคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ปี 2563 ประเมินความเสี่ยง โอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุน ทิศทางค่าเงินบาท ตราสารหนี้ ตลาดหุ้นและราคาน้ำมัน. เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2563 จาก https://mgronline.com/

พรรนิดา แสงแดง และประเสริฐ ไชยทิพย์. (2559). การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผล ต่ออุปสงค์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยวิธีการพาแนลเออาร์ดีแอล. เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2563 จาก https://www.econ.cmu.ac.th/

พิพัฒน์ รัชกิจประการ. (2562). รายงานภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: สำนักนายกรัฐมนตรี.

มณฑิรา เกียรติภาวรนันท์. (2558). การจัดการอุสาหกรรมการท่องเที่ยวภายใต้วิกฤตการเมืองและความไม่สงบในจังหวัดสงขลา. ใน วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

มหาวิทยาลัยพะเยา. (2560). โมเดลขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน. พะเยา: มหาวิทยาลัยพะเยา.

สัญญา เคณาภูมิ. (2562). หลักการและแนวทางการสังเคราะห์งานวิชาการ. วารสาร การบริหารการปกครองและนวัตกรรมท้องถิ่น, 3(2), 89-106.

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2558). รายงานภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.

สุมาลี ศรีธรรมราช. (2560). ผลกระทบจากเหตุการณ์วิกฤตต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต. วารสารปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ, 30(3), 86-95.

หนังสือพิมพ์แนวหน้า. (2560). อย่าฝากความหวังไว้ที่ การท่องเที่ยวมากเกินไป. เรียกใช้เมื่อ 1 มกราคม 2563 จาก https://www.naewna.com/

Nuttavuthisit, K. (2007). Branding Thailand: Correcting the Negative Image of Sex Tourism. Place Branding and Public Diplomacy, 3(1), 21-30.