แนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในศตวรรษที่ 21

Main Article Content

สืบพงษ์ ปราบใหญ่
รุ่งรัตนา เจริญจิตต์
ยศระวี วายทองคำ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) บุคลากรทางการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดของรัฐ ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง คือ อาจารย์ประจำจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 200 คน 2) อาจารย์ประจำหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 5 ท่าน 3) ผู้ทรงคุณวุฒิในระดับบัณฑิตศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 5 ท่าน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมาตรวัดประมาณค่า 5 ระดับ ที่มีค่าดัชนีความสอดคล้อง เท่ากับ 1.0 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.948 แบบสัมภาษณ์และแบบประเมินความเหมาะสมของแนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในศตวรรษที่ 21 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความสอดคล้อง ส่วนผลการสัมภาษณ์วิเคราะห์โดยการจำแนกชนิดข้อมูลและจัดกลุ่มข้อมูล


          ผลการวิจัยพบว่า


          แนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( gif.latex?\bar{x}= 4.27) และรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 4 ด้าน เรียงตามลำดับดังนี้ ด้านเทคโนโลยี ( gif.latex?\bar{x}= 4.37) ได้แก่ 1) นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนเพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงาน เช่น โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน (IOC=0.8) 2) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (IOC=0.8)    3) ใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน (IOC=0.8) และ 4) สร้างระบบการจัดการทรัพยากรการเรียนรู้ที่สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกสถานที่และทุกเวลา (IOC=1.0) ด้านนโยบายการเมือง ( gif.latex?\bar{x}= 4.27) ได้แก่ 1) ควรจัดการศึกษาโดยเน้นความรู้ความเชี่ยวชาญในอาชีพและสายงานต่าง ๆ (IOC=0.8) 2) ควรประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาทักษะของบัณฑิต (IOC=0.8) 3) ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเอง (IOC=0.6) และ 4) จัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (IOC=0.6) ด้านเศรษฐกิจ ( gif.latex?\bar{x}= 4.24) ได้แก่ 1) ควรส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและทุนวิจัยจากภายนอกสถาบัน (IOC=1.0) 2) ควรเน้นการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในปัจจุบันและอนาคต (IOC=1.0) 3) ควรบูรณการข้ามศาสตร์วิชาเพื่อสร้างนวัตกรรมหรือต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (IOC=0.8) และ 4) ลดต้นทุนในการเรียนโดยใช้ระบบสนับสนุนผู้เรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (IOC=0.6) และด้านสังคมและวัฒนธรรม ( gif.latex?\bar{x}= 4.23) ได้แก่ 1) ควรจัดการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรและเกณฑ์วิชาชีพที่กำหนด (IOC=1.0) 2) พัฒนาหลักสูตรที่ตอบสนองกับบริบทสังคมไทยและวัฒนธรรมและสังคมโลก (IOC=0.6) 3) บูรณาการสังคมและวัฒนธรรมกับการสอนโดยส่งเสริมให้มีกิจกรรมหลากหลาย (IOC=1.0) และ 4) ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องภาษาและวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน (IOC=0.8)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ปราบใหญ่ ส., เจริญจิตต์ ร., & วายทองคำ ย. (2020). แนวทางการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(10), 5324–5343. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/215533
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ทรงธรรม ธีระกุล และคณะ. (2556). ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยทักษิณ. ใน รางงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยทักษิณ.

ประดิษฐ์ มีสุข และทรงธรรม ธีระกุล. (2551). มหาวิทยาลัยทักษิณกับทางแก้วิกฤตของชาติ. หนังสืองานทักษิณวิชาการ’ 51. ใน เอกสารการประชุมโครงการทักษิณวิชาการ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา ระหว่างวันที่ 16–19 สิงหาคม 2551. มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา.

ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และคณะ. (2552). กลยุทธ์การขับเคลื่อนนวัตกรรมการเปลี่ยนผ่านการศึกษา“สัตตศิลา” สู่โรงเรียน. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.

มารศรี แนวจำปา และคณะ. (2561). แนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. วารสารศรีวนาลัยวิจัย, 8(2), 109-116.

ลูกขวัญ อินทร์คล้าย และคณะ. (2558). แนวทางการพัฒนากระบวนการพัฒนาหลักสูตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2558. ใน เอกสารการประชุมสัมมนาวิชาการ (Proceedings) การนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 17. มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม.

สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี). (2550). วิเคราะห์ 5 ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการศึกษาไทย. เรียกใช้เมื่อ 13 สิงหาคม 2562 จาก http://www.kriengsak.com /node/1040

สัญชัย จิตต์ภักดี และคณะ. (2553). ปัจจัยส่วนประสมการตลาดบริการ ที่มีผลต่อการเลือกผู้รับเหมา ของผู้บริโภคในการสร้างบ้าน ในอำเภอเมืองเชียงราย. ใน รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ. (2553). การเปลี่ยนแปลงโลกของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาสู่ “ครูมืออาชีพ”. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.

สุพรรณี ชะโลธร และเกษมวัฒน์ เปรมกมล. (2553). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยม - ศึกษาปีที่ 4 - 6. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ประสานมิตร.

อุทัย ดุลยเกษม. (2557). แนวทางพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา. JOURNAL OF SOUTHERN TECHNOLOGY, 7(1), 93-98.

Cronbach L. J. (1997). Educational Psychology. New York: Harcourt Brace Jovanovich.

Jonathan B. & Sams A. (2012). Flip your classroom: Reach every student in every class every day. Washington DC: International Society for Technology in Education.

Mehrens W. A. & Lehmann I. J. (1991). Measurement and Evaluation in Education and Psychology (4th ed.). New York: Holt Rinehart and Winston.

Sternberg R. J. (1985). Beyond I.Q.: A Triarchich Theory of Human Intelligence. New York: ambridge University Press.