ปัญหาการคุ้มครองสิทธิในการลาของผู้ตั้งครรภ์ในระหว่างการทำงาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการคุ้มครองความเป็นมารดาของแรงงานหญิงตามกฎหมายไทย โดยจะวิเคราะห์เปรียบเทียบกับมาตรฐานการคุ้มครองความเป็นมารดาตามอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นมารดา ค.ศ. 2000 และข้อแนะฉบับที่ 191 ว่าด้วยความคุ้มครองมารดา ค.ศ. 2000 และกฎหมายต่างประเทศ ได้แก่ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า กฎหมายไทยยังมีปัญหาในเรื่องดังต่อไปนี้
1. ระยะเวลาการลาคลอดที่ไม่เหมาะสม กฎหมายไทยยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาบังคับลาหลังคลอดและการขยายระยะเวลาการลาคลอดกรณีคลอดบุตรหลายคนในคราวเดียวกัน จึงเห็นควรแก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดให้แรงงานหญิงมีสิทธิลาคลอดครรภ์หนึ่งไม่น้อยกว่า 14 สัปดาห์ (98 วัน) โดยแบ่งระยะเวลาบังคับลาหลังคลอดไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์ (42 วัน) ขยายระยะเวลากาลาคลอดกรณีคลอดบุตรหลายคนใน คราวเดียวกัน และในส่วนที่ไม่ใช่ระยะเวลาบังคับลาหลังคลอดแรงงานหญิงควรมีสิทธิกำหนดระยะเวลาการลาได้เอง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
2. สิทธิลาเพื่อตรวจครรภ์ แรงงานหญิงในกิจการภาครัฐยังไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ให้มีสิทธิลาเพื่อตรวจครรภ์ไว้เฉพาะ สำหรับแรงงานหญิงในกิจการภาคเอกชนแม้ว่าจะได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ให้มีสิทธิลาตรวจครรภ์ก่อนการคลอดแต่ก็มีลักษณะนำเอาวันลาตรวจครรภ์ก่อนการคลอดบุตรรวมกับวันลาคลอดบุตรและไม่ครอบคลุมการลาตรวจสุขภาพภายหลังการคลอดบุตร จึงเห็นควรแก้ไขกฎหมายให้แรงงานหญิงมีสิทธิหยุดงานเพื่อตรวจครรภ์หรือตรวจสุขภาพอันเนื่องมาจาก การตั้งครรภ์ตามที่ได้นัดหมายกับบุคลากรทางการแพทย์ครอบคลุมทั้งก่อนและหลังการคลอดบุตรและแยกออกจากสิทธิลาคลอดอย่างชัดเจน รวมถึงกำหนดให้มีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างที่ลาด้วย
3. กฎหมายไทยยังไม่คุ้มครองให้แรงงานหญิงมีสิทธิพักในระหว่างเวลาทำงานหรือลดชั่วโมง การทำงานเพื่อให้นมบุตร เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการลาคลอดและแรงงานหญิงได้กลับเข้าทำงานตามปกติแล้ว การที่แรงงานหญิงจะมีโอกาสเลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่ต่อเนื่องหรือไม่นั้น จึงขึ้นอยู่กับทัศนคติและนโยบายของผู้บริหารหรือเจ้าของสถานประกอบการเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แรงงานหญิงมีสิทธิพักในระหว่างเวลาทำงานหรือลดชั่วโมงการทำงานเพื่อให้นมบุตร รวมถึงกำหนดให้หน่วยงานหรือสถานประกอบการจัดให้มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการให้นมบุตรด้วย
Article Details
เอกสารอ้างอิง
เกษมสันต์ วิลาวรรณ. (2549). กฎหมายแรงงานในรัฐวิสาหกิจ. กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.
นิศาชล เศรษฐไกรกุล และคณะ. (2558). ความเป็นไปได้ในการขยายวันลาคลอดจาก 90 วัน เป็น 180 วันในกลุ่มหญิงวัยทำงานในประเทศไทย. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 24(4), 720-726.
วิจิตรา (ฟุ้งลัดดา) วิเชียรชม. (2557). คำอธิบายกฎหมายแรงงานภาครัฐวิสาหกิจ. กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.
__________. (2561). คำอธิบายกฎหมายกฎหมายประกันสังคม. (พิมพ์ครั้งที่ 6). ปทุมธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
__________ . (2562). กฎหมายแรงงาน. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เดือนตุลา.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). รายงานฉบับสมบูรณ์ การสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรี ใน 14 จังหวัดประเทศไทย พ.ศ.2558-2559. เรียกใช้เมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 จาก https://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/สำรวจ/ด้านสังคม/แรงงาน/สถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย.aspx
สุดาศิริ วศวงศ์. (2548). กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: นิติบรรณาการ.
Government of the United Kingdom. (2019). Maternity pay and leave. Retrieved May 28, 2019, from https://www.gov.uk/maternity-pay-leave/pay
International Labour Organization. (2012). Maternity Protection Resource Package - From Aspiration to Reality for All Module 6: Maternity leave and related types of leave. Geneva: International Labour Office.
Jean-Michel Servais. (2011). International labour law (Third revied edition). Nertherland: Kluwer Law International.
John Bowers & Simon Honeyball. (2000). Textbook on Labour Law (Sixth revied edition). London: Blackstone Press Limited.
Maternity Action. (2019). Continuing to breastfeed when you return to work. Retrieved June 21, 2019, from https://maternityaction.org.uk/wp-content/ uploads/Continuing-to-breastfeed-2.pdf