ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทีมเป็นฐานที่มีต่อทักษะความสัมพันธ์สำหรับเด็กปฐมวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทีมเป็นฐานที่ส่งผลต่อทักษะความสัมพันธ์ในเด็กปฐมวัย รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงทดลอง กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัยอายุระหว่าง 5 - 6 ปีที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนวัดบ้านหมี่ใหญ่ จังหวัดลพบุรี จำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้ทีมเป็นฐาน จำนวน 24 แผน 2) แบบประเมินทักษะความสัมพันธ์สำหรับเด็กปฐมวัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยก่อนจัดการเรียนรู้โดยใช้ทีมเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.00 คะแนน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.61 คะแนน และหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทีมเป็นฐาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 26.55 คะแนน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.21 คะแนน ซึ่งหลังจากการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ทีมเป็นฐานเด็กมีทักษะความสัมพันธ์สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าเด็กปฐมวัยสามารถแสดงออกถึงทักษะความสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสม โดยมีพฤติกรรมในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น สื่อสารและสนทนาได้ด้วยตนเองอย่างเหมาะสม ในการเรียนรู้สามารถที่จะเสนอความรู้หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น บอกเล่าประสบการณ์ของตนเองเพื่อช่วยในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็น เมื่อทำกิจกรรมกลุ่มสามารถยอมรับบทบาททั้งการเป็นผู้นำที่ทำหน้าที่หัวหน้าทีมและผู้ตามที่เป็นสมาชิกภายในทีมได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งให้ความร่วมมือในการคิดหรือปฏิบัติกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายด้วยความตั้งใจ สามารถแบ่งปันช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนดร่วมกันอย่างมีความสุข
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
ยอดยิ่ง แดงประไพ. (2566). เหตุใดควรใช้Team-Based Learning. เรียกใช้เมื่อ 2 เมษายน 2568 จาก https://shee.si.mahidol.ac.th/knowledge/ebook/2566/issue3-66/3_2023_journal.pdf
ศิริภรณ์ อมรรัตนชัย. (2567). การพัฒนาพฤติกรรมการมีปฏิสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดกิจกรรมละครเกี่ยวกับวัฒนธรรม ท้องถิ่นของจังหวัดลพบุรี โรงเรียนบ้านโคกตูม. สิกขา วารสารศึกษาศาสตร์, 11(1), 178-187.
สถาบันสุขภาพจิตเสี่ยวเหอ. (2565). เด็กจะต้องรู้เทคนิคในการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม.ใน ณราชิต นามเรืองศรี(บ.ก.), การ์ตูนจิตวิทยาปฐมวัย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ วารา พับลิชชิ่งจำกัด.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564). รายงานการศึกษารูปแบบการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19. เรียกใช้เมื่อ 15 พฤษภาคม 2568 จาก https://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/1853-file.pdf
ไอยฤทธิ์ ไทยพิสุทธิกุล. (2023). Team Based Learning in Healthcare Education. Retrieved April 4, 2025, from https://shee.si.mahidol.ac.th/knowledge/ebook/2566/issue3-66/3_2023_journal.pdf
Collaborative for Academic, Social and Emotional Learning CASEL. (2018). CASEL education hearts inspiring minds. Retrieved April 2, 2025, from https://casel.org/
Creswell, J. W. & Poth, C. N. (2017). Qualitative Inquiry and Research Design Choosing among Five Approaches. (4th ed.). Thousand Oaks, United States of America: SAGE Publications.
Erikson, E. H. (1963). Childhood and society. New York: Norton.
Rovinelli, R. J. & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of ccriterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2(2), 49-60.
Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society: The development of higher psychological processes. Cambridge, United States of America: Harvard University Press.