การบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.285543คำสำคัญ:
การบริหาร, ความเสี่ยง, ผู้บริหารสถานศึกษาบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์การและเป็น องค์ประกอบหนึ่งของการบริหารจัดการทั่วไปการวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 2) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 3 จำแนกตามวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และขนาดของสถานศึกษา 3) เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะการบริหารความเสี่ยงของผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาปัตตานีเขต 3
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ ผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต3 ปีการศึกษา 2567 โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากตารางเครจซี่และมอร์แกน ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครูที่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่าย 4 ฝ่ายงานในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต3 ปีการศึกษา 2567 กำหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจง โดยเป็นครูผู้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่าย 4 ฝ่ายงานของสถานศึกษา สถานศึกษาละ 4 คนจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 จำนวน 58 สถานศึกษาได้กลุ่มผู้ให้ข้อมูลจำนวน 232 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นสอบถามค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .935 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีอิสระ และการทดสอบค่าเอฟ
ผลการวิจัย: 1) การวิเคราะห์การบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 โดยภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นร้ายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รองลงมาคือ ด้านกลยุทธ์ ด้านการเงิน และด้านที่ค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านการดำเนินงาน ตามลำดับ 2) ประสบการณ์การทำงาน โดยภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า แตกต่างกัน 4 ด้าน ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk: SR) ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk: OR) ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk: FR) และ ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Compliance Risk: CR) จึงต้องทำการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ ด้วยวิธีของ Scheffe' ขนาดสถานศึกษา โดยภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ครูผู้สอนตามขนาดสถานศึกษามีความคิดเห็นต่อการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 ไม่แตกต่างกัน 3) ผลการรวบรวมข้อเสนอแนะการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 พบว่า ด้านกลยุทธ์ ควรมีการระดมความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการระบุความต้องการบริการและผลผลิตโดยแสดงให้เห็นถึงเป้าประสงค์ที่ชัดเจนของสถานศึกษา ด้านการเงิน ควรมีการควบคุมการเก็บรักษาเงินถูกต้องตามระเบียบและอยู่ภายในวงเงินเก็บรักษา ด้านการดำเนินงาน ควรมีการควบคุมการดำเนินงานของแต่ละฝ่ายให้มีความร่วมมือในการทำงานอย่างเหมาะสม และด้านกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรมีการกำหนดมาตรการหรือบทลงโทษบุคลากรที่ไม่ปฏิบัติงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐานและข้อบังคับอย่างชัดเจน และเป็นธรรม
สรุปผล: การทำงานและขนาดสถานศึกษามีผลต่อการบริหารความเสี่ยง โดยข้อเสนอแนะให้เพิ่มความร่วมมือและการควบคุมในด้านกลยุทธ์ การเงิน การดำเนินงาน และกฎหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลยิ่งขึ้น และยังเป็นข้อมูลสารสนเทศในการจัดทำนโยบายหรือแนวทางในการปฏิบัติงานของผู้บนิหารสถานศึกษาในการบริหารความเสี่ยงทางการศึกษา
เอกสารอ้างอิง
กรรณิการ์ ศิริรัตน์. (2563). การบริหารความเสี่ยงของโรงเรียนอนุบาลเอกชน จังหวัดน่าน สังกัด สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดน่าน. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยพะเยา.
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2560). แนวโน้มการศึกษาไทยในครึ่งทศวรรษหน้า. Retrieved June 22, 2024. From: http://blog.eduzones.com/drkrieng/7005.
ธร สุนทรายุทธ. (2550). การบริหารจัดการความเสี่ยงทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: เนติกุลการพิมพ์.
นันทนิตย์ ท่าโพธิ์ และคณะ. (2556). การศึกษาสภาพการบริหารความเสี่ยงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39. วารสารวิชาการเครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ, 3 (35), 67-74.
น้ำทิพย์ ม่วงปลอด.(2560). การพัฒนาองค์ประกอบและตัวบ่งชี้การบริหารความเสี่ยงของสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานขนาดเล็ก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก. ปริญญานิพนธ์ ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). วิธีการสร้างสถิติสาหรับการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
บุษยมาศ แสงเงิน. (2563). ประสบการณ์ (Experience). Retrieved June 22, 2024. From: https://www.gotoknow.org/posts/687559.
ปิยะรัตน์ เสนีย์ชัย. (2554). การบริหารความเสี่ยงของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของข้าราชการครู สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2. สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
พรพรรณ งามโรจน์. (2560). แนวทางการจัดการความเสี่ยงในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1. วิทยานิพนธ์หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พอรุ้ง แสงนวล. (2563). การบริหารความเสี่ยงกับประสิทธิผลของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ 2 การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วิชัย วงษ์ใหญ่ และ มารุต พัฒผล. (2563). สร้างสรรค์การเรียนรู้ด้วยตนเอง Create Your Course packs. ศูนย์ผู้นำนวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 3. (2567). แผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567. ปัตตานี: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 3.
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2560) แผนการบริหารความเสี่ยงประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
Likert, R. (1967). The human organization: Its management and value. New York: McGraw-Hill.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





