ผลของการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาแฮนด์บอลหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดศรีสะเกษ
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.282793คำสำคัญ:
แบบฝึกผสมผสาน, กีฬาแฮนด์บอล, ความคล่องแคล่วว่องไวบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: กีฬาแฮนด์บอลเป็นกีฬาที่ใช้การเคลื่อนที่ลักษณะต่างๆ เพื่อครอบครองลูกบอล การวิ่งรับ-ส่งลูกบอล การเลี้ยง ลูกบอล การหมุนตัว การกระโดดขว้างลูกบอล และการยิงประตู เป็นต้น นักกีฬาจะต้องมีพื้นฐานของสมรรถภาพทางกลไกที่ดีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาแฮนด์บอลด้วย ดังนั้นงานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาแฮนด์บอลหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดศรีสะเกษ และเพื่อเปรียบเทียบผลของการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อ ความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาแฮนด์บอลหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนฝึก หลังฝึกสัปดาห์ที่ 4 และหลังฝึกสัปดาห์ที่ 8
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ นักกีฬาแฮนด์บอลหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนกีฬาจังหวัด ศรีสะเกษ ปีการศึกษา 2565 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ โปรแกรมการฝึกแบบผสมผสาน ทำการฝึก 3 วันต่อสัปดาห์ จำนวน 8 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบ ความคล่องแคล่วว่องไว ได้แก่ แบบทดสอบ T-test แบบทดสอบ FAF’s Slalom test แบบทดสอบ SEMO test กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิงทั้งหมด จำนวน 25 คน มีอายุเฉลี่ย 13.92 ปี (S.D.=0.86) น้ำหนักเฉลี่ย 46.17 กิโลกรัม (S.D.=6.59) และส่วนสูงเฉลี่ย 158.08 เซนติเมตร (S.D.=5.31) การทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวโดยใช้แบบทดสอบ FAF’s Slalom test ก่อนการฝึก หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 พบว่า การทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวโดยใช้แบบทดสอบ FAF’s Slalom test ก่อนฝึก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 26.00 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.65 หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.38 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.28 หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 12.01 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.20 เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายคู่ พบว่า หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 แตกต่างจากก่อนการฝึก และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 แตกต่างจากหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุปผล: ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความคล่องแคล่วว่องไว ก่อนการฝึก หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 และ หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบรายคู่ พบว่า หลังการฝึก สัปดาห์ที่ 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 แตกต่างจากก่อนการฝึก และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 แตกต่าง จากหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 4 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
เจริญ กระบวนรัตน์. (2561). วิทยาศาสตร์การฝึกสอนกีฬา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สินธนาก๊อปปี้เซ็นเตอร์ จำกัด.
กรมพลศึกษา. (2560). การทดสอบสมรรถภาพทางกายภาคสนามกีฬาฟุตบอล-ฟุตซอล วอลเลย์บอลแบดมินตัน. กรุงเทพฯ : สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
จตุรงค์ เหมรา. (2560). หลักการและการปฏิบัติ : การทดสอบสมรรถภาพทางกาย. ลำปาง : บรรณกิจพริ้นติ้ง.
ณัฐพล ตั่นมี. (2562). ผลของโปรแกรมการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาปันจักสีลัต. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต : สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่.
ดวงพร ศรีเหรา สืบสาย บุญวีรบุตร และถนอมศักดิ์ เสนาคำ. (2555). ผลของการฝึกความคล่องตัวในนักฟุตบอล. วารสารคณะพลศึกษา, 15(2), 132-142.
ถาวร กมุทศรี. (2560). การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย. กรุงเทพฯ: มีเดีย เพรส.
ทวีศักดิ์ หนูสุวรรณ. (2556). ผลของการฝึกตาราง 9 ช่องที่มีต่อความคล่องตัวของนักกีฬาเซปักตะกร้อชาย. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ธนากาญจน์ เสถียรพูนสุข. (2561). การพัฒนาแบบทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวบนพื้นทราบสำหรับนักกีฬากีฬาแฮนด์บอลชายหาด. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยบูรพา.
นรินทรา จันทศร. (2562). การพัฒนาความคล่องแคล่วว่องไวด้วยการฝึกพลัยโอเมตริก. Humanities, Social Sciences and arts, 12(6), 578-598.
นันทพล ทองนิลพัน. (2554). ผลของการฝึกความคล่องแคล่วว่องไวที่มีต่อความเร็วและพลังการกระโดดของนักกีฬาฟุตซอล. กรุงเทพฯ : ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬาการกีฬาแห่งประเทศไทย.
ปวเรศร์ พันธยุทธ์. (2560). การทดสอบสมรรถภาพทางกาย. สุพรรณบุรี : สุพรรณการพิมพ์.
ภัทรดล เพชรพลอยนิล. (2560). ผลการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวและความเร็วของนักกีฬาฟุตบอลชาย. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
มณฑล ทองโรจน์ ชาญชัย ชอบธรรมสกุล ชนะวงศ์ หงส์สุวรรณ และรัตนา เฮงสวัสดิ์. (2561). การสร้างโปรแกรมการฝึกความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาฟุตซอล. วารสารรามคำแหง ฉบับบัณฑิตวิทยาลัย,1(3), 75-85.
มาริษา ชัยแก้ว ศิริพร สัตยานุรักษ์ และธาวุฒิ ปลื้มสำราญ. (2565). ผลของการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ. 14(2), 243-251.
วรวัจน์ เพิ่มขึ้น. (2565). ผลการฝึกพลัยโอเมตริกควบคู่กับการฝึกบันไดลิงที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในนักกีฬาฟุตซอล. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สารัช ดีงาม. (2554). ผลของการฝึก เอส เอ คิว ที่มีต่อความสามารถในกีฬาฟุตซอล. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
หงส์ทอง บัวทอง. (2559). ผลของการใช้โปรแกรมฝึกความคล่องแคล่วว่องไวร่วมกับการเพิ่มความหนักของงานต่อความคล่องแคล่วและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาของนักกีฬาวอลเลย์บอลชาย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต : คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา: มหาวิทยาลัยบูรพา.
อติเทพ วิชาญ ขจร ตรีโสภณากร และอัจฉรียา กสิยะพัท. (2562). ผลการฝึกแบบผสมผสานที่มีผลต่อความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวในนักกีฬาแฮนด์บอลหญิงสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตลำปาง. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ. 48(2), 412-425.
อารีย์ อินสุวรรโณ. (2560). ผลของการใช้โปรแกรมการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences. 2nd edition, Hillsdale, NJ: Erlbaum.
Huang, H., Huang, W. Y., & Wu, C. E. (2023). The Effect of Plyometric Training on the Speed, Agility, and Explosive Strength Performance in Elite Athletes. Applied Sciences, 13(3605), 1-15.
Thomas, K., French, D., & Hayes, P. R. (2009). The effect of two plyometric training techniques on muscular power and agility in youth soccer players. Journal of Strength & Conditioning Research, 23(1), 332-335.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





