การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมสำหรับนักเรียนระดับ ประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานี
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.282613คำสำคัญ:
การสอนวิทยาศาสตร์, บอร์ดเกมวิทยาศาสตร์, ชุดกิจกรรมบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: เทคนิคเกมการสอนเป็นเทคนิคที่ครูรู้จักกันมาช้านานและยังใช้ได้ผลดีจนถึงปัจจุบัน เกมมีหลายประเภทแต่ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันนี้คือบอร์ดเกม บอร์ดเกมนิยมนำมาใช้ร่วมกับหลายวิชารวมถึงวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยเพราะว่าผู้ออกแบบเกมสามารถออกแบบกลไกเกมเพื่อฝึกและพัฒนาผู้เรียนได้หลากหลาย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 และ 3) ศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานี
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือนักเรียนจากโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก กลาง และใหญ่จากโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานีที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่คือชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เครื่องมือที่ใช้เก็บนวบรวมข้อมูลได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test
ผลการวิจัย: 1) ประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานี มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.66/75.50 ซึ่งสูงกวาเกณฑประสิทธิภาพที่ตั้งไว 75/75 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานีหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานีหลังเรียนโดยรวมอยู่ในระดับดี และ 4) ความพึงพอใจของผู้ใช้ต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดสะเต็มศึกษาสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดปทุมธานีโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านเนื้อหา อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนด้วยชุดกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผล: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับการใช้บอร์ดเกมเป็นการผสมผสานสื่อแบบประสมที่สามารถใช้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้ นอกจากนั้นการใช้บอร์ดเกมยังสามารถใช้สร้างความสนใจในเนื้อหาวิชาและเชื่อมโยงนักเรียนเข้ากับเนื้อหาหรือทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่มีความซับซ้อนได้
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. 2551. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กระทรวงศึกษาธิการ. 2560. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กฤตฏ์ ชมพูวิเศษ และพัชรินทร์ ชมภูวิเศษ. (2563). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจโดยการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์. 15 (2), 29-42.
กิดานันท์ มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จักรกฤษณ์ โพดาพล. (2563). การจัดการเรียนรู้ออนไลน์: วีถีที่เป็นไปทางการศึกษา. เลย: มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. 5 (1), 7-20.
ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2541). คอมพิวเตอร์ช่วยสอน. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2551). การวิจัยสําหรับครู. กรุงเทพฯ : สุวิริยาสาสน .
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข. 2555. การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มนัสนันท์ หัตถศักดิ์ และรัชกร เวชวรนันท์. (2565).การพัฒนาบอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การจัดการชั้นเรียนของนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วารสารมนุษยศาสตร์วิชาการ, 29(2), 106-126.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2551). พจนานุกรมศัพท์พอลิเมอร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2551. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน.
วรรณิภา พรหมหาราช. (2564). การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ร่วมกับบอร์ดเกม เรื่อง พันธะเคมีเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. ครุมหาบัณฑิต (วิทยาศาสตร์ศึกษา) มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม.
วิษณุ สุทธิวรรณ. (2562). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง ลม ฟ้า อากาศของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเทศบาลท่าโขลง 1. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 6(1), 1-13.
สกุล สุขศิริ. (2550). ผลสัมฤทธิ์ของสื่อการเรียนรู้แบบ Game Based Learning. กรุงเทพฯ: สถาบัน. บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). การวัดผลประเมินผลวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูนิเคชั่น.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สุทธิดา จำรัส. (2557). หน่วยที่ 8 การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ 1. ใน ประมวลสาระชุดวิชาสารัตถะวิทยวิธีและธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ หน่วยที่ 6-10. (พิมพ์ครั้งที่ 3). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สุวิทย์ มูลคํา และอรทัย มูลคํา . (2545). 21 วิธีจัดการเรียนรู้เพือพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์
อารีวรรณ ทองสุ, พัฒนสุข ชำนินอก, และเสนอ ภิรมจิตรผ่อง. (2562). สภาพการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 39(6), 175-186. https://doi.org/10.14456/sujthai.2019.62
Burguillo, J. C. (2010). Using game theory and competition-based learning to stimulate student motivation and performance. Computers & Education, 55(2), 566-575.
Bybee, R. W., Taylor, J. A., Gardner, A., Scotter, P.V., Powell, J.C., Westbrook, A., Landes, N., et al. 2006. The BSCS 5E Instructional Model: Origins and Effectiveness. Colorado Springs, CO: BSCS.
National Research Council. 2012. A Framework for K-12 Science Education: Practices, Crosscutting Concept, and Core Ideas. Committee on New Science Education Standards, Board on Science Education, Division of Behavioral and Social Science and Education. Washington, DC: National Academy Press.
Pongpaiboon, P. (2009). Create a nation by education. Bangkok: Thai Watanapanich.
Verenikina, I. (2008). Scaffolding and learning: its role in nurturing new learners. https://ro.uow.edu.au/edupapers/43
Vygotsky, L. (1967). Play and its important role in the mental development of the child. International Research in Early Childhood Education. 7 (2), 1-25.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





