การพัฒนารูปแบบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่มผู้สูงอายุโรคเบาหวานด้วยเทคนิค การวางแผนแบบมีส่วนร่วม(AIC) ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสระบาก อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.282048คำสำคัญ:
ผู้สูงอายุ, โรคเบาหวาน, การดูแลสุขภาพตนเอง, เทคนิคการวางแผนแบบมีส่วนร่วม, การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ข้อมูลของพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสระบาก มีผู้สูงอายุทั้งหมด 622 คน และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน (DM) ทั้งหมด 176 คน คิดเป็น ร้อยละ 28.29 จากการดำเนินการในรอบปี 2566 พบว่า มีปัญหาเรื่องของการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุข เช่น การรับยาอย่างต่อเนื่อง การเจาะเลือดปลายนิ้วเพื่อประเมินผลการรักษา การเจาะเลือดประจำปี ตลอดจนปัญหาด้านเศรษฐกิจ และปัญหาของสิ่งแวดล้อมในชุมชน ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบเพื่อค้นหาข้อสรุปจากหลักฐานเชิงประจักษ์ในการสร้างเครือข่ายในการดูแลในผู้ป่วยสูงอายุโรคเบาหวาน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนการพัฒนารูปแบบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่มผู้สูงอายุโรคเบาหวานและส่งเสริมให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในกลุ่มผู้สูงอายุโรคเบาหวาน ด้วยเทคนิคการวางแผนแบบมีส่วนร่วม(AIC) ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสระบาก อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ด้วยกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วม AIC 6 ขั้นตอน คือ 1) เข้าใจสถานการณ์ สภาพที่แท้จริง 2) สร้างวิสัยทัศน์ สภาพที่คาดหวังในอนาคต 3) คิดค้นหากลวิธี 4) จัดความสำคัญจำแนกกิจกรรม 5) วางแผนหาผู้รับผิดชอบ 6) จัดทำแผน/กิจกรรม/โครงการ โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย (1) กลุ่มตัวอย่างที่ร่วมพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองด้วยกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วม AIC 6 ขั้นตอน จำนวน 122 คน ได้แก่ ผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ จำนวน 35 คน, ญาติหรือผู้ดูแล จำนวน 35 คน, อาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน 35 คน, ทีมสุขภาพ จำนวน 17 คน (2) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองรูปแบบ เป็นผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ตามคุณสมบัติที่กำหนด จำนวน 122 คน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามวัดพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ 4 ด้าน (1) การรับประทานอาหาร (2) การออกกำลังกาย (3) การจัดการอารมณ์ (4) การรับประทานยา และผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ก่อนและหลังการทดลอง โดยจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 12 สัปดาห์ การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนด้วยสถิติ Paired Sample t-test
ผลการวิจัย: พบว่า 1) รูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวาน ญาติและทีมสุขภาพ เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งเป็นการสนับสนุนทางสังคมให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เห็นคุณค่าในตนเองและมีความตระหนักรวมทั้งมีพลังอำนาจในการตัดสินใจเลือกปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพในการดูแลสุขภาพตนเอง สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ประสบผลสำเร็จ 2) ภายหลังการใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพตนเอง ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองด้านการบริโภคอาหาร การออกกำลังกายและการจัดการอารมณ์ สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05) ส่งผลให้ผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนและหลังการทดลอง พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05)
สรุปผล: รูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ ในคู่มือประจำตัวของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยมีญาติคอยกระตุ้นและการติดตามโดยทีมสุขภาพและอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) สามารถทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ประสบผลสำเร็จ
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กองโรคไม่ติดต่อ. (2562). รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พ.ศ.2562. กลุ่มเทคโนโลยีระบาดวิทยาและมาตรการชุมชน กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข.
กฤษณา ชวนินทวิสุทธิ์, สุกัญญา เบญจวัฒนานนท์ และอังษณา ประกอบกิจ. (2545). ผลการใช้กระบวนการกลุ่มโดยมีผู้ป่วยเป็นผู้นำกลุ่มต่อความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คลินิกโรคเบาหวาน โรงพยาบาลชัยภูมิ. วารสารวิจัยทางการพยาบาล, 29(1), 31-39.
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2565 (Public Health Statistics A.D. 2022). Retrieved 2 August 2023 from: https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2023/11/Hstatistic65.pdf.
กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). รายงานประจำปี 2564. กลุ่มยุทธศาสตร์ แผนและประเมินผล กองโรคไม่ติดต่อ. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2554). ความฉลาดทางสุขภาพ. โรงพิมพ์นิวธรรมดาการพิมพ์ (ประเทศไทย) จำกัด กรุงเทพฯ.
ไกรพิชิต ปรุงฆ้อง. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลพังโคน จังหวัดสกลนคร. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 23(3), 14-26.
คมสรรค์ ชื่นรัมย์. (2559). การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินของโรงพยาบาลสุคิริน ด้วยเทคนิคการวางแผนแบบมีส่วนร่วม (AIC). วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
งานเวชระเบียนและสถิติ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสระบาก. (2566). รายงานเวชสถิติประจำปี 2566. มหาสารคาม: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสระบาก.
ชนัญธวีร์ ฐิตวัฒนานนท์. (2552). การพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการวางแผนกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพโดยใช้ กระบวนการ AIC : กรณีศึกษาชุมชนในตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพัฒนาสุขภาพชุมชน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
พรทิพย์ ราชดารา.(2552). ผลลัพธ์ของการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่บ้าน. ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการ พยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
มยุรี สมอาษา. (2551). การประยุกต์รูปแบบการสร้างเสริมพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ศูนย์สุขภาพชุมชนหนองแก้ว อำเภอเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด. ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพฤติกรรมศาสตร์ และการส่งเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เมตตา ยิ่งชัยภูมิ.(2554). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจต่อความสามารถในการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในศูนย์สุขภาพตำบลซับใหญ่ อำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ. ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการสุขภาพผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์.
สุพร มหาวรากร.(2551). ผลของการสร้างเสริมพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะแทรกซ้อน โรงพยาบาลอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
Health data center. (2566). การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ: อัตราป่วยด้วยโรคเบาหวาน. Retrieved 2 August 2023 from: https://mkm.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php?&cat_id=6a1fdf282fd28180eed7d1cfe0155e11&id=cefa42b9223ec4d1969c5ce18d762bdd
International Diabetes Federation Atlas. (2019). IDF Diabetes Atlas, 9th edition. Brussels, Belgium.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introduction to analysis. (3rd ed.). New York: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





