รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.281589คำสำคัญ:
รูปแบบการพัฒนา, ภาวะผู้นำทางวิชาการ, ครูบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์การวิจัย: ภาวะผู้นำทางวิชาการของครู เป็นพฤติกรรมของครูที่แสดงออกถึงความสามารถเชิงวิชาชีพในพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการมีความรู้ในทางวิชาการที่ก้าวหน้า ทันต่อยุคสมัยและมีการพัฒนาตนเองด้วยการเสาะแสวงหาความรู้ เรียนรู้และรับรู้ในสิ่งใหม่ ๆ ตลอดจนสามารถนำไปถ่ายทอดให้แก่ศิษย์หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมงานและผู้อื่น ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้จึงกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยดังนี้ 1) ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดภาวะผู้นำทางวิชาการของครู 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นภาวะผู้นำทางวิชาการของครู 3) สร้างรูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู และ 4) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู
ระเบียบวิธีการวิจัย : การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัด กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน เพื่อยืนยันองค์ประกอบและตัวชี้วัด ระยะที่ 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นภาวะผู้นำทางวิชาการของครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 385 คน เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 3 สร้างรูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 12 คน เพื่อยืนยันรูปแบบโดยการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ ระยะที่ 4 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู กลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอน จำนวน 19 คน ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 2
ผลการวิจัย: 1. องค์ประกอบและตัวชี้วัดภาวะผู้นำทางวิชาการของครู ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ด้าน ดังนี้ 1) การเป็นแบบอย่างด้านการเรียนการสอน 2) การพัฒนาผู้เรียน 3) ทักษะการเป็นครูมือ และ 4) การมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2. สภาพปัจจุบันโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และมีค่าดัชนีความต้องการจำเป็นเรียงลำดับจากด้านที่มีค่าสูงสุดถึงต่ำสุด ดังนี้ 1) การพัฒนาผู้เรียน 2) ทักษะการเป็นครูมืออาชีพ 3) การมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ 4) การเป็นแบบอย่างด้านการเรียนการสอน ตามลำดับ 3. รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของครู ประกอบด้วย 4 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ 1) การพัฒนาผู้เรียน 2) ทักษะการเป็นครูมืออาชีพ 3) การมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ 4) การเป็นแบบอย่างด้านการเรียนการสอน ผลการประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4. ผลการศึกษาการใช้รูปแบบ โดยรวมมีการปฏิบัติตามตัวชี้วัดอยู่ในระดับมากที่สุด และมีผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มทดลองใช้ที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาโดยรวมอยู่ในในระดับมากที่สุด
สรุปผล ภาวะผู้นำทางวิชาการของครูถือได้ว่ามีความสำคัญที่จะนำไปสู่ความเป็นผู้นำทางวิชาการตามมาตรฐานวิชีพและครูมืออาชีพสู่สากล เนื่องจากภาวะผู้นำทางวิชาการของครูเป็นการแสดงออกของครูในการร่วมกันทำงานอย่างร่วมมือรวมพลังนำไปสู่การเรียนรู้ร่วมกันการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีความริเริ่มสร้างสรรค์เกี่ยวกับการเรียนการสอน และนำไปสู่การปฏิบัติจริงในโรงเรียน โดยก่อให้เกิดผลต่อการปรับปรุงการเรียนรู้ของผู้เรียนและเป็นผู้นำทางการเรียนการสอน ประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้ 1) ทักษะการเป็นครูมืออาชีพ 2) แบบอย่างที่ดีของการสอน 3) การมีส่วนร่วมพัฒนางานวิชาการ และ 4) การพัฒนาผู้เรียน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ภาระงานของครู. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2553). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์พิมพ์ดี.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2559). การศึกษา 4.0 เราต้องแปลงกับดักให้เป็นความหวังดี การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วรากรณ์ สามโกเศศ และคณะ. (2553). ข้อเสนอระบบการศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมกับสุขภาวะคนไทย. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์.
วัญญา วิศาลาภรณ์. (2540). การวิจัยทางการศึกษา : หลักการและแนวทางการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อแกรมมี่.
วาโร เพ็งสวัสดิ์. (2552). การวิจัยและการพัฒนา. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 1(2), 1–12. Retrieved from https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/snru_journal/article/view/10186
วิมล จันทร์แก้ว. (2555). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฏร์ธานี เขต 3. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยรังสิต.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. Retrieved from: https://www.obec.go.th/wp-content/ uploads/2018/10/OBECPolicy62.pdf
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2558). มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564). รายงานการศึกษาการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนจากผลการทดสอบ O-NET และ PISA. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2552). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อาภารัตน์ ราชพัฒน์. (2554). การพัฒนาตัวบ่งชี้ภาวะผู้นาของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อุทัย บุญประเสริฐ. (2552). การวิจัยด้านการจัดการการศึกษา : แก่นการจัดการการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: พิมพ์ลักษณ์.
Childs-Bowen, D., Moller, G., & Scrivner. J. (2000). Principals: leaders of leaders. NASSP Bulletin, 84(6), 27-34. doi:10.1177/019263650008461606
Dimmock, C., & Walker, A. (2005). Educational leadership: culture and diversity. Gateshead: Athenaeum Press.
Eisner, E. (1976). Education connoisseurship and criticism: Their form and function in education evaluation. Journal of Aesthetic Education, 10(3/4), 135-150.
Fullan, M. (1993). Change Forces: Probing the Depths of Educational Reform. London: Falmer Press.
Katzenmeyer, M., & Moller, G. (2001). Awakening the Sleeping Giant: Helping Teachers Develop as Leaders. 2nd ed. Thousand Oaks. CA: Corwin.
Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement. 30(3), 607 – 610.
Leithwood,K.,& Duke,D.L (1999). A century’s quest to understand school leadership. In J. Murphy & K.S. Louis (eds). Handbook of Research on Educational Administration. San Francisco: Jossey-Bass Publishers.
McCauley, C. (1998). When screen violence is not attractive. In J. H. Goldstein (Ed.), Why we watch: The attractions of violent entertainment (pp. 144–162). Oxford University Press.
Muijs, D., & Harris, A. (2006). Teacher led school improvement: Teacher leadership in the UK. Teaching and Teacher Education, 22(8), 961-972
Pellicer, L. O. and Anderson, L. W. (1995). A handbook for teacher leaders. Thousand Oaks, CA: Corwin Press.
Sherrill, J. (1999). Preparing teachers for leadership roles in the 21st century. Theory into Practice, 38(1), 56–61.
Strodl, P. (1992). A model of teacher leadership. Paper presented at the annual meeting of the Eastern Educational Research Association, Hilton Head, SC.
Suranna, K. J., & Moss, D. M. (2002). Exploring teacher leadership in the context of teacher preparation. Paper presented at the annual meeting of the Educational Research Association, New Orleans. LA. (ERIC Document Reproduction Service No. ED465751).
Vicere, Albert A. and Fulmer, Robert M. (1998). Leadership by Design Hardcover. Harvard Business School Press.
York-Barr, J., & Duke, K. (2004). What Do We Know About Teacher Leadership? Findings From Two Decades of Scholarship. Review of Educational Research, 74(3), 255-316. https://doi.org/10.3102/00346543074003255
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





