การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นสำหรับพระสอนศีลธรรม
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.279838คำสำคัญ:
พระสอนศีลธรรม, โปรแกรมส่งเสริมความสามารถ, การจัดการเรียนรู้บทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: พระสอนศีลธรรมในโรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจงานที่สำคัญด้านการบริการ วิชาการที่มุ่งเป็นศูนย์กลางการให้บริการวิชาการ ด้านพระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และส่งผลให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ด้านพระพุทธศาสนาคู่คุณธรรมอย่างแท้จริง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) พัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอน 2) ศึกษาผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สำหรับพระสอนศีลธรรม
ระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอน ระยะที่ 2 การทดลองใช้โปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอน กลุ่มตัวอย่างในระยะที่ 1 ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยระยะที่ 1 เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พระสอนศีลธรรม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางเครจซี่และมอร์แกน จำนวน 214 รูป และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสัมภาษณ์ จำนวน 20 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวิจัยระยะที่ 2 เพื่อทดลองใช้โปรแกรมฯ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความสอดคล้องและความเหมาะสม แบบทดสอบ และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบโดยใช้ค่า ที (t-test dependent)
ผลการวิจัย: 1) สภาพปัจจุบันและความต้องการเพิ่มความสามารถการจัดการเรียนรู้ของพระสอนศีลธรรมอยู่ในระดับปานกลาง มีความต้องการเสริมสร้างสมรรถนะ ด้วยการศึกษาด้วยตนเอง และการอบรมเชิงปฏิบัติการ โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) หลักการของโปรแกรม (2) จุดมุ่งหมายของโปรแกรม (3) เนื้อหาและกิจกรรมของโปรแกรม (4) รูปแบบและกิจกรรมที่ใช้ในโปรแกรม (5) การวัดและประเมินผล ผลการประเมินโปรแกรม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน 3) ผลการนําโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นไปใช้ คะแนนการทดสอบความรู้ด้านการจัดการเรียนรู้ หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีระดับสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ หลังการเข้าร่วมโปรแกรม พัฒนาอยู่ในระดับมากที่สุด และมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโปรแกรมอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผล: สภาพปัจจุบันการจัดการเรียนรู้ของพระสอนศีลธรรม โดยรวมอยุ่ในระดับปานกลาง มีความต้องการพัฒนาความสามารถด้วยวิธีการการศึกษาด้วยตนเอง และการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผู้เข้ารับการพัฒนามีความรู้ด้านการจัดการเรียนรู้ หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มีสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด และมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโปรแกรมอยู่ในระดับมากที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา จันทะโยธา (2560). การพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้ สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
จารึก ทองฤกษ์. (2552). การศึกษาพัฒนาบุคลากรของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการ. ประถมศึกษาจังหวัดสงขลา. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ไฉไลศรี เพชรใต้. (2563). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครูประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด, (2554). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ปนิดา บูราณรมย์. (2563). การพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ประสาท เนื่องเฉลิม. (2560). วิจัยการเรียนการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร. (2565). สมรรถนะสำหรับผู้บริหารสถานศึกษายุคนี้. มหาสารคาม : ตักสิลาการพิมพ์.
พระปลัดนนทณัฏฏ์ ศฤงคาร. (2564). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาตามแนวคิดเชิงรุก (Active Learning) สำหรับพระสอนศีลธรรม ระดับประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พระมหาจีรวัฒน์ กนฺตวณฺโณ (2562).เอกสารประกอบการสอน: พระพุทธศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืน. คณะพุทธศาสตร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
พระมหาสราวุธ สราวุโธ (แสงสี) (2562). การพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการเรียนการสอนของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน กรุงเทพมหานคร. วารสาร มจร. สังคมศาสตร์ปริทัศน์. 12(5), 262-276.
พระสมุห์อมร ปภากโรและคณะ. (2561). การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระอธิการสัมผัส สนฺตจิตฺโต, พระมหาอุดร อุตฺตโร (มากดี),และ ปฏิธรรม สำเนียง. (2564). การศึกษาสมรรถนะของพระสอนศีลธรรมตามหลักกัลยาณมิตรตามทัศนะของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ในโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดอุทัยธานี. บัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์. 8 (2), 121-142.
พระอุดมเกรียรติ วิสุทธาจาโร. (2555). ความพึงพอใจของสถานศึกษาที่มีต่อครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน สังกัด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร. 8(2), 41-50.
พิมพ์พันธ์ เดชคุปต์ และคณะ (2551). สมรรถนะครูและแนวทางการพัฒนาครูในสังคมที่เปลี่ยนแปลง. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
ราชบัณฑิตยสถาน (2555). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2555. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊ค.
สมาน รังสิโยกฤษฎ์ (2551). ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สำนักงาน กพ.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2559). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Cronbach, L. J. (1951). Coefficient alpha and the internal structure of tests. Psychometrika, 16, 297–334. https://doi.org/10.1007/BF02310555
Hargreaves, A., & Fullan, M. (1992). Understanding Teacher Development. New York NY: Teachers College Press.
Nadler, L., & Wiggs, G.D. (1989). Managing Human Resource Development: A Practical Guide. San Francisco: Jossey-Bass.
Padagas, R.C. (2019). Pre-Service Teachers' Competencies in a Work-Based Learning Environment. African Educational Research Journal, 7(3), 130-142.
Spark. D. (1999). Five models of staff development for teachers. Journal of Staff Development, 10(4), 40–57.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





