การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมกันเพื่อเสริมสร้าง ทักษะการทำงานเป็นทีมสำหรับนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ ระดับปริญญาตรีในภาวะความปกติใหม่
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.279263คำสำคัญ:
การเรียนการสอนแบบผสมผสาน, การเรียนรู้แบบร่วมกัน, ทักษะการทำงานเป็นทีม, นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ระดับปริญญาตรี, ภาวะความปกติใหม่บทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ด้วยการบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกันเข้ากับโมเดลการเรียนรู้แบบผสมผสาน ทักษะการทำงานเป็นทีมของนักเรียนจึงได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งให้พวกเขาประสบความสำเร็จทั้งในด้านวิชาการและวิชาชีพ แนวทางนี้พัฒนาโอกาสการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและมีพลวัตซึ่งส่งเสริมทักษะทางสังคมที่สำคัญและความเข้าใจเนื้อหาของหลักสูตรอย่างละเอียดยิ่งขึ้น ดังนั้นการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมกันเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีมสำหรับนักเทคนิคการแพทย์ ระดับปริญญาตรีในภาวะความปกติใหม่ 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมกันเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีมสำหรับนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ระดับปริญญาตรีในภาวะความปกติใหม่ และ 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้นในด้านทักษะการทำงานเป็นทีม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และผลการสร้างชิ้นงาน
ระเบียบวิธีการวิจัย: การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา ดำเนินการวิจัย 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม ตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมกันเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม และตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ ระดับปริญญาตรี วิทยาลัยนครราชสีมา ชั้นปีที่ 3 จำนวน 24 คน สุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินทักษะการทำงานเป็นทีม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินชิ้นงาน การวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัย: 1) สภาพปัญหาการทำงานเป็นทีมของนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ที่พบส่วนใหญ่คือ ขาดการมีส่วนร่วม ขาดการมอบหมาย ขาดความชัดเจนในบทบาท ขาดการให้กำลังใจและการเสริมแรงที่เหมาะสม ขาดการสะท้อนคิด โดยเฉพาะปัญหาการสอนแบบออนไลน์ พบขาดการปฏิสัมพันธ์ ขาดสมาธิและแรงจูงใจ ดังนั้นจึงใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยการบรรยายเป็นแบบเผชิญหน้าและแบบออนไลน์ในสัดส่วน 60:40 ส่วนการเรียนปฏิบัติการเป็นแบบเผชิญหน้า 100% สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมกันโดยผ่านทางการปฏิบัติโครงงาน เกมิฟิเคชัน และกรณีศึกษา 2) รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมกัน มีชื่อว่า BCL_3E2R Model ประกอบด้วย (1) การมอบหมาย/การให้พลัง (2) การมีส่วนร่วม/ความผูกพัน (3) การเสริม/การให้กำลังใจ (4) การเสริมแรง (5) การสะท้อนความคิด 3) ทักษะการทำงานเป็นทีมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 5) ผลการสร้างชิ้นงาน อยู่ในระดับดีมาก
สรุปผล: โมเดลการเรียนรู้แบบผสมผสาน BCL_3E2R ซึ่งผสมผสานการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัว 60% เข้ากับการเรียนรู้ออนไลน์สำหรับการบรรยาย 40% และเซสชันในห้องปฏิบัติการแบบตัวต่อตัว 100% ช่วยเพิ่มผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักศึกษาเทคโนโลยีการแพทย์และความสามารถในการทำงานเป็นทีมได้อย่างมาก ด้วยการดำเนินกิจกรรมการทำงานร่วมกันตามโครงการ เกมมิฟิเคชัน และตามกรณี รวมถึงการจัดการกับความท้าทายในการทำงานเป็นทีม ประสิทธิภาพการทำงานของนักเรียนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาแบบปกติใหม่
เอกสารอ้างอิง
กิติพงษ์ ลือนาม. (2561). วิธีวิทยาการวิจัยทางการศึกษา. นครราชสีมา: โคราชมาร์เก็ตติ้ง แอนด์ โปรดักชั่น.
ทิศนา แขมณี. (2555). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2550). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ: แนวคิด วิธีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป แมเนจเม้นท์.
ภัธภร หลั่งประยูร. (2565). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานตามแนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาสาขาการสอนภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
มนสิชา เปล่งเจริญศิริชัย. (2558). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยการเรียนแบบร่วมมือ กับการเรียนแบบผสมผสานร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือ. “Veridian E-Journal, Silpakorn University. 8 (2), 950-966.
มาลี บุญศิริพันธ์. (2563). บัญญัติศัพท์ New Normal. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสภา.
รัตนะ บัวสนธ์. (2556). การประเมินโครงการ: การวิจัยเชิงปริมาณ. กรุงเทพฯ: คอมแพคปริ๊น.
ลักขณา สริวัฒน์. (2557). จิตวิทยาสำหรับครู. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
วรวิทย์ ตันฑนะเทวินทร. (2565). การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับ e-learning และการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการทำงาน รายวิชาการฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียนของนักศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย. 12 (4), 53-63.
วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
ศิริพล แสนบุญส่ง และ สมคิด แซ่หลี (2560). ผลการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้โครงงานเป็นฐานเพื่อส่งเสริมผลงานสร้างสรรค์ และทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีมของนักศึกษาคณะครุศาสตร์สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 11 (3), 195-203.
สภาเทคนิคการแพทย์. (2560). สมรรถนะวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ เกณฑ์มาตรฐานความรู้ความสามารถและเกณฑ์มาตรฐานการฝึกงาน. กรุงเทพฯ: สภาเทคนิคการแพทย์.
สมบูรณ์ ตันยะ. (2551). วิธีวิทยาการวิจัยทางการศึกษา. นครราชสีมา: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
สุชิน เพ็ชรักษ์. (2548). รายงานการวิจัย เรื่อง การจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญาในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สุนันทา เลาหนันท์. (2551). การสร้างทีมงาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : แฮนด์เมดสติกเกอร์แอนด์ดีไซน์.
Arends, R. I. (1994). Learning to teach. 3rd edition. New York: McGraw-Hill, Inc, Chapman.
Bonk, C.J., & Graham, C.R. (2004). The Handbook of blended learning: Global Perspectives, Local designs. San Francisco, CA: Pfeiffer publishing.
Carman, J. M. (2005). Blended learning design: Five key ingredients. Retrieved from: http://www.agilantlearning.com/pdf/Blended Learning Design.pdf.
Driscoll, M. (2002). Blended Learning: Let's get beyond the hype. Learning and Training Innovation news line. Retrieved October 5, 2022, from: http://www.ltimagazine.com/ltmagazine/articleDetail.jsp?is=11755.
Dyer, W.G. (1995). Team building: Current Issues and New Alternatives. New York: Addison-Wesley.
Fredricks, J A. (2015). Academic engagement. In J. Wright (Ed.), The international encyclopedia of social and behavioral sciences. 2nd edition, Vol. 2 (pp. 31–36). Oxford: Elsevier.
Johnson, D.W., & Johnson, R.T. (1994). Learning together and alone: Cooperative, competitive, and individual learning (4th ed.). Needham Heights, MA: Allyn and Bacon.
Kemp, J.E. (1985). The Instructional Design Process. New York: Harper & Row.
Lombardo, M.M., & Eichinger, R. W. (2001). The Team Architect® user’s manual. Minneapolis, MN: Lominger Limited.
Lord, J., & Hutchison, P. (1993). The process of empowerment: Implications for theory and practice. Canadian Journal of Community Mental Health, 12(1), 5–22. https://doi.org/10.7870/cjcmh-1993-0001
McAlpine, I. (2000). Collaborative Learning Online. Journal of Distance Education. 21, 66-80.
McShane, S.L., & Von Glinow, M.A. (2015). Organizational Behavior. 7th ed. New York: McGraw-Hill.
Ratchapakdee, P., Chamnankit, P., & Vonganusith, V. (2023). THE DEVELOPMENT BLENDED LEARNING MODEL USING COLLABORATIVE AND CASE-BASED LEARNING TO ENHANCE LEARNING ACHIEVEMENT, PROBLEM-SOLVING, TEAM LEARNING SKILLS AND ATTITUDES TOWARD NURSING PROFESSION OF NURSING STUDENTS. Journal of Social Science and Cultural, 7(2), 460–478. Retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JSC/article/view/262231
Robbins, S.P., & Coulter, M. (2005). Management. 8th edition. Prentice Hall.
Schön, D. (1983). The reflective practitioner: How professionals think in action. New York, NY: Basic Books.
Skinner, B.F. (1971). Science and human behavior. New York, NY: Free Press.
Vygotsky, L.S. (1978). Mind in society: The developmental of higher psychological process. Cambridge, MA: Harvard University Press
Woodcock, M., & Francis, D. (1994). Teambuilding Strategy. Hampshire: Gower Publishing.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





