การศึกษาความต้องการใช้หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ

ผู้แต่ง

  • อภิชัย ธรรมนิยม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ https://orcid.org/0000-0001-8562-1401
  • กิติศักดิ์ ชัยนาม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ https://orcid.org/0009-0002-9910-4717
  • สุดาภรณ์ สมัครผล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ https://orcid.org/0009-0000-9744-7789
  • สายชล ภัคคะธารา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ https://orcid.org/0009-0006-8467-0539
  • คีรีรัฐ ราชิวงศ์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ https://orcid.org/0009-0008-6443-3661

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.279087

คำสำคัญ:

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย;, สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการ; , มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการ มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตให้มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจท่องเที่ยว มีความเป็นผู้นำกิจกรรมนันทนาการ และมีทักษะด้านภาษาต่างประเทศตามวิชาชีพ สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้หลักสูตรมีความทันสมัย การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย (1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ และ (2) เพื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขต ศรีสะเกษ

ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัด ศรีสะเกษ จำนวน 396 คน ใช้วิธีการคัดเลือกแบบบังเอิญ 2) บัณฑิต จำนวน 28 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง 3) ผู้ใช้บัณฑิต จำนวน 2 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง 4) ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 2 คน รวมทั้งสิ้น 428 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามความต้องการเข้าศึกษาต่อ 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของบัณฑิต และ 3) แบบสัมภาษณ์ผู้ใช้บัณฑิตและหน่วยงานภาครัฐ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) และ การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis)

ผลการวิจัย: 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนต่อมากที่สุดคือ ปัจจัยด้านสิ่งอำนวยความสะดวก รองลงมาคือ ด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย และด้านค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อ 2) บัณฑิตมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรการท่องเที่ยวและนันทนาการด้านการเรียนการสอนมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการบริการแหล่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่บัณฑิต และด้านหลักสูตร 3) บัณฑิตมีความรอบรู้ในงานที่ได้รับมอบหมาย สามารถสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี รู้จักกาลเทศะ มีน้ำใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือต่อเพื่อร่วมงาน มีความเคารพน้อบน้อมต่อหัวหน้างาน มีความตรงต่อเวลา

สรุปผล: หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ มีข้อมูลปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการศึกษาต่อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ข้อมูลความคิดเห็นของบัณฑิต ผู้ใช้บัณฑิต และข้อเสนอแนะของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและนันทนาการ เพื่อนำไปวางแผนในการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพต่อไป

เอกสารอ้างอิง

คณะศิลปศาสตร์. (2566). รายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตร (มคอ.7) ประจำปีการศึกษา 2566. ศรีสะเกษ: มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ

จักรวาล วงศ์มณี, อาภารัตน์ ประทีปะเสน, กุลวดี ละม้ายจีน, เนียนนิภา สำเนียงเสนาะ, ภูวดล งามมาก, และพุทธพร โคตรภัทร. (2564). แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 12(1), 30-43.

จาตุรนต์ สุขุมาลพงษ์, สมนึก ภัททิยธนี, และฐิตาภรณ์ เวียงวิเศษ. (2560). ความต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน. วารสารศึกษาศาสตร์ฉบัับวิจัยบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น. 11(2), 31-40.

ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์. (2539). การพัฒนาหลักสูตร: หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อลีน เพรส.

ชัญญา ตันสกุล และ กัญญามน กาญจนาทวีกูล. (2563). การพัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการตามกรอบอาเซียนของสถานประกอบการเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน. วารสารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ. 6(2), 23-42.

ธํารง บัวศรี. 2542. ทฤษฎีหลักสูตร : การออกแบบหลักสูตรและพัฒนา. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา.

บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

ปรีดาวรรณ อินทรวิมลศรี. (2548). รูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาของโรงเรียนกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.

เมตต์ เมตต์การุณ. (2547). การบริหารจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม: ประชาชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและราชการ. กรุงเทพฯ : บุ๊ค พอยท์.

ราชกิจจานุเบกษา (2565). ประกาศเรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2565. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนพิเศษ212ง วันที่ 9 กันยายน 2565

วิทวัส เหล่ามะลอ. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีของนักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2562. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ศศิวิมล จุลศิลป์. (2553). รูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการศึกษาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน: การประยุกต์ใช้กระบวนการเอไอซี. วารสารสุรนารี. 4(2), 17-31.

สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดศรีสะเกษ. (2566). สารสนเทศด้านการศึกษา ปีการศึกษา 2566. Retrieved from https://edustatistics.moe.go.th/sisaket/

เอกชัย เทียนเงิน, นพดล อำนวยพรเลิศ และ กนกวรรธน์ เซี่ยงเจ็น. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาระดับอุดมศึกษาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ. 4(3), 524-533.

Armstrong, M. (2003). A Handbook of Human Resource Management Practice. Kogan Page, London.

Bobbitt, F. (1918). The Curriculum. Houghton Mifflin Company, Boston.

Cubillo, J. M., Sánchez, J., & Cervino, J. (2006). International Students’ Decision-Making Process. International Journal of Educational Management, 20, 101-115. https://doi.org/10.1108/09513540610646091

Henson, R. K. (2001). The Effects of Participation in Teacher Research on Teacher Efficacy. Teaching and Teacher Education, 17, 819-836. http://dx.doi.org/10.1016/S0742-051X(01)00033-6

Office of the Higher Education Commission. (2009). Thai Qualifications Framework for Higher Education. Retrieved from http://www.mua.go.th/users/tqfed/news/FilesNews/FilesNews3 /News328072552.pdf.

Oliva, P.F. (2009). Developing the Curriculum. 7th edition. Boston, MA: Allyn & Bacon, Inc.

Shadid, W. A., & Van Koningsveld, P. S. (1992). Islamic primary school. In W. A. R., Islam in Dutch society: Current developments and future prospects. Kampen: Kok Pharos Publishing House.

Sittiwong, T. (2019). Curriculum development, logistics and supply chain: Project Incubator and the development of integrated logistics and supply chain under the reform program of the National Curriculum. International Journal of Humanities and Social Science, 9(1), 9-16.

Taba, H. (1962). Curriculum Development: Theory and Practice. New York: Harcourt Brace Jovanovich.

Tyler, R.W. (1949). Basic principles of curriculum and instruction. Chicago: University of Chicago Press.

Wiles, J. (2009). Leading Curriculum Development. Thousand Oaks, CA: Corwin Press.

Wiles, J.W., & Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to Practice. 8th edition. Boston: Pearson.

Yamane, T. (1973). Statistics: an introductory analysis. New York: New York: Harper & Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-08-01

รูปแบบการอ้างอิง

ธรรมนิยม อ., ชัยนาม ก. ., สมัครผล ส. ., ภัคคะธารา ส. ., & ราชิวงศ์ ค. . (2024). การศึกษาความต้องการใช้หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการท่องเที่ยวและนันทนาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(4), 1125–1146. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.279087

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ