การพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.278577คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ; , พฤติกรรมสุขภาพ; , กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: อัตราป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงจึงจำเป็นในกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคความดันโรคหิตสูง ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
ระเบียบวิธีการวิจัย: รูปแบบวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลอง กลุ่มทดลองคือ กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ตามคุณสมบัติเกณฑ์คัดเข้าของกลุ่มทดลอง จำนวน 30 คน ในพื้นที่ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) โปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงที่พัฒนาขึ้นตามแนวคิดการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพของกองสุขศึกษา กระทรวงสาธารณสุข 2) แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ การวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือ ดังนี้ แบบประเมินด้านความรู้ ความเข้าใจทางสุขภาพและการตัดสินใจเลือกปฏิบัติที่ถูกต้อง ด้วยวิธีหาค่าคูเดอร์-ริชาร์ดสัน (Kuder - Richardson's method, (KR-21) ได้เท่ากับ 0.80 และ 0.82 ตามลำดับ ส่วนด้านการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ ด้านการสื่อสารสุขภาพ ด้านการจัดการตนเอง ด้านการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ และพฤติกรรมสุขภาพ วิเคราะห์ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (α-Coefficient) ของครอนบาช (Cronbach) ได้ค่า เท่ากับ 0.81 0.80 0.80, 0.81 และ 0.84 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบที
ผลการวิจัย: ผลการวิจัยพบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนากลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และค่าเฉลี่ยระดับความดันซีสโตลิก และระดับความดันไดแอสโตลิกหลังการทดลองต่ำกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
สรุปผล: โปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในกลุ่มเสี่ยงก่อนเกิดโรคความดันโลหิตสูงสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มทดลองได้และมีผลทำให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในภาวะปกติ
เอกสารอ้างอิง
กชกร สมมัง. (2563). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในข้าราชการกลุ่มเสี่ยง จังหวัดลพบุรี. โรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชสาร. 29(2), 87-98.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2559). การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กวัยเรียน กลุ่มวัยทำงาน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : บริษัทนิวธรรมดาการพิมพ์ (ประเทศไทย) จํากัด.
กองสุขศึกษา กระทรวงสาธารณสุข. (2561). แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตาม 3อ. 2ส. ของกลุ่มวัยทำงาน. Retrieved on 18 November 2023 from: http://www.hed.go.th/linkHed/333.
ทรัพย์ทวี หิรัญเกิด, พร้อมจิตร ห่อนบุญเหิม และสุรชาติ สิทธิปกรณ์. (2556). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อความรู้ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับความดันโลหิต ของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.31(4), 97-104.
ธีระ วรธนารัตน์, ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์,อรจิรา วงษ์ดนตรี,และมณฑิชา เจนพานิชทรัพย์. (2558). การทบทวนสถานการณ์ และกลไกการจัดการความแตกฉานด้านสุขภาพ. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
นรเศรษฐ์ พูนสุวรรณ, สุมัทนา กลางคาร และโกเมนทร์ ทิวทอง. (2558). ประสิทธิผลของโปรแกรม ปรับเปลี่ยนความเชื่อด้านสุขภาพและการจัดการพฤติกรรมสุขภาพของตนเองต่อความเสี่ยงการเกิดความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารมหาวิทยาลัยทักษิณ.18(2), 70-78.
ปิยรัตน์ ภูมี. (2566). สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. Retrieved on November 15, 2023 from: http://110.164.147.155/kmhealth_new/Documment/blood/knowlage/17.pdf
พรวิจิตร ปานนาค, สุทธีพร มูลศาสตร์, เชษฐา แก้วพรม. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมการพัฒนาความฉลาดทางสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข. 27(3), 91-106.
เมธินี ศรีสวัสดิ์ และกัลยา ถาวงค์. (2564). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนายาง ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ. 8(2), 103-119.
รัตติยากร ถือวัน และ พรรณี บัญชรหัตถกิจ. (2567). รูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง: การทบทวนอย่างเป็นระบบ. วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพ ที่ 3. 5(3), 113-125.
รุ่งนภา อาระหัง, สุธีรา ฮุ่นตระกูล, ศศิธร รุจนเวช. (2561). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงสำหรับกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงที่ชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม. วารสารแพทย์นาวี. 45(3), 253-264.
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกมั่งงอย.(2566). รายงานผลการปฏิบัติงานปีงบประมาณ 2566. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกมั่งงอย.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2559). รายงานประจำปี 2559. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์.
อติญาณ์ ศรเกษตริน, รุ่งนภา จันทรา, รสติกร ขวัญชุม, ลัดดา เรืองด้วง. (2560). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามแนวทาง 3อ.2ส. ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(1), 253-264.
อารยา เชียงของ. (2561). ผลการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพด้วยการจัดการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
Cronbach, L.J. (1951). Coefficients alpha and the internal structure of tests. Psychometrika, 16(3), 297-334.
Heinisch, O. (1965). Sampling Techniques. New York: John Wiley and Sons.
Nutbeam, D. (2008). The Evolving Concept of Health Literacy. Social Science and Medicine, 67(12), 2072-2078.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





